ตีแผ่เบื้องหลังงาน #TSGS19 ในมุมมองของคนที่ถูกเรียกว่า PM
Techsauce Global Summit 2019 งานที่ออกมาดี ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เราเริ่มขาย Flash Sale ของปี 2019 ตั้งแต่วันจบงานวันที่สองของปี 2018 นั่นหมายถึงว่างานของพวกเราได้เริ่มขึ้นอย่างไม่เป็นทางการในเวลานั้น แน่นอนว่าเราไม่ได้ทำงาน TSGS กันตลอดทั้งปี แต่ก็เรียกได้ว่าเกินครึ่งปีแน่นอน
ความเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรหลายอย่างส่งผลกระทบต่อการทำงาน สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด มันก็เกิด เกิดแล้วก็ต้องแก้ปัญหากันไประหว่างทาง
ถ้าไม่มีปัญหา เราก็ไม่ถูกจ้างมาให้ทำงานหรอก จริงไหม ?
คนทุกคนบนโลกใบนี้ ล้วนมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้โลกของเราคงอยู่ด้วยความหลากหลาย
สิ่งที่เราควรต้องทำให้ได้คือ หาปัญหาอันเกิดจากข้อเสียของคนๆ นั้นให้เจอ แล้วหาทางแก้ปัญหา เลือกมองข้อดี แทนที่จะเลือกมองแต่ข้อเสียแล้วทำให้งานไปต่อไม่ได้
มีความหงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจเกิดขึ้นตลอดการทำงาน ตารางเวลาที่ถูกเลื่อนไปเลื่อนมา ความน้อยใจที่สังเกตได้ในบางครั้ง
ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด การต้องมาหาทางทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ในขณะที่ทุกคนแสดงความไม่พอใจและเกรี้ยวกราดใส่กัน ไม่ช่วยแก้ปัญหา และแล้ววันที่น็อตหลุดของเราก็มาถึง
มีความชั่งใจก่อนโพสต์ว่าจะทำหรือไม่ทำดี แต่สุดท้ายก็ทำลงไป และไม่คิดจะลบมันออก เพราะมันคือความรู้สึกของเราจริงๆ และยินดีที่จะให้คนมองเราในอีกมุม เราเองก็เป็นแค่คนธรรมดาที่มีหลากหลายอารมณ์เช่นเดียวกัน
ไม่ว่าพวกเราจะเจออะไรกันมา พวกเราก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การทำงานอันหนักหน่วงในหลายๆ เดือนติดต่อกัน (โดยเฉพาะหนึ่งเดือนสุดท้ายก่อนงาน) ได้ทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นที่หน้างานว่า มันออกมาดี ได้รับคำชม ขนาดว่า Scale สถานที่จัด เปิดชั้น 23 เพิ่มอีกชั้น เราก็ยังทำกันได้!
สำหรับจุดบกพร่องเล็กน้อยที่เราเองก็สังเกตเห็นได้ ก็ขอน้อมรับเพื่อนำไปปรับปรุงในงานถัดไป ในฐานะคนจัดงานนี้เป็นปีที่สอง เราถือว่าหลายอย่างได้รับการ Improve ขึ้นมาจากปีก่อนเยอะมาก (หน้างานอาจจะไม่รู้สึก เพราะปีที่แล้วก็ดี #เหรอ)
คนเราจะเห็นปัญหาได้ มันต้องลงมือทำ มันต้องอยู่ตรงนั้นจริงๆ
แล้วปัญหาจะถูกแก้ไขได้ยังไง?
เมื่อจบงานปี 2018 เลยทำให้มีการ DeBrief เกิดขึ้นอย่างจริงจัง แยกตามทีม โดยที่เราเป็นคนตั้งต้นไอเดีย (ขอเอาเครดิตในจุดนี้ 55+) ซึ่งมันต้องรีบทำมากๆ หลังจบงาน ไม่งั้นจะลืมกันซะก่อน เรามีทั้งกลุ่มย่อย กลุ่มใหญ่ที่ทำภายใน และภายนอกกับ Vendor ที่มาช่วยให้เกิดงานนี้
เราเชื่อว่า “ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี อะไรๆ ก็จะออกมาดี”
แล้วมันก็ได้พิสูจน์จริงๆ ว่ามันออกมาดี ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว เราคิดว่าหน้างานมัน Smooth กว่าจริงๆ นะ
//ส่วนก่อนงานคือ กระอักเลือด นอนก็เหมือนไม่ได้นอน เพราะฝันถึงสิ่งอันตรายที่จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ (และถูกแก้ไขก่อนถึงวันงาน) ถ้าฝันตรงเป๊ะขนาดนี้ ศาสตร์แม่หมออาจมีอยู่ในตัวเราก็ได้ #ผิด
การได้รับ Feedback จากผู้มีประสบการณ์จริงในงาน ถือเป็นของมีค่าสำหรับทีมงาน
เพื่อที่จะพัฒนาให้งาน TSGS20 ดีขึ้นไปอีก เราได้มีการส่งอีเมลไปหาทุกท่านแล้ว ใครที่ไม่ได้รับอีเมล แล้วเผลอมาอ่าน Blog พอดี สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อให้คำติชมได้เลยนะ ตอนนี้รับทราบแล้วแน่ๆ คือ
- คนเยอะ ทำให้ต่อแถว Register นาน
- คนเยอะ ทำให้บาง Vertical Stage เข้าไปฟังไม่ได้ แต่เรามี Live stream อยู่บน Facebook Techsauce Global นะ (ไปดูย้อนหลังได้น้าาา)
- การใช้งาน Website และ Application
- อีเมลยืนยัน Workshop ไม่ได้ระบุสถานะการจอง
- จะตั้งป้ายว่า เสียค่าออกบัตรใหม่ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้รับบัตร
ขอบคุณทุกทีมงาน และผู้เข้าร่วมงานทุกภาคส่วนที่ช่วยทำให้งานนี้เกิดขึ้น
CoFounder
พี่มิหมี พี่ตุ้ย พี่ชาล พี่เอม ขอบคุณที่ไว้ใจให้มาทำหน้าที่นี้เป็นปีที่สอง รวมถึงการ Support ในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางกาย หรือทางใจ การใช้ชีวิต การเดินทาง การสื่อสารกับ Vendor และอื่นๆ อีกมากมาย ขนาดจัดงานนี้เป็นปีที่สองแล้วก็ยังไม่รู้สึกเบื่อกับสิ่งที่ทำอยู่ เพราะมี Challenge และ Urgent มาให้แทบทุกวัน (เฮือกก)
Partnership
นำโดย Ayden ชายหนุ่มผู้พูดได้หลายภาษา และพูดเร็วไฟแลบ (ฟังวอไม่ทันทุกที) ไม่รู้ไปหา Partner มาจากไหนได้เยอะแยะ ทั้ง Supporting, Community, Special
โดยมีญาดา นาเดียคอยให้คำปรึกษา พร้อมทั้ง ป. (แป้ง SP ที่เคยร่วมงานกันตอน RedLab) มาช่วยเข้าชาร์จในหลายๆ จุด อาจมีขรุขระไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ออกมาด้วยโลโก้เต็มเสา Register รวมถึงบนเว็บไซต์
Speaker + Logistic
เรียกว่าใหม่ยกชุดกับทีม P’Kathy, Gun, Cha, Tar ดูภาพรวมทั้งหมดของการทำให้ Agenda ในงานเกิดขึ้น โดยมีพี่มิหมี พี่โอม พี่เอม รวมถึง Advisor หลายๆ ท่านให้ความช่วยเหลือในการคิด Content การจะเอาตัว Speaker คนหนึ่งมาได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเริ่มจากการคิดไอเดีย อาจจะ Topic ก่อน หรือ Speaker ก่อน จากนั้นต้องพาตัวเค้ามาให้ได้ อาจมีค่าตัว ค่า Flight & Accom การดูแลสารทุกข์สุกดิบ การ Create Profile การ Assign Agenda การตาม Presentation การให้ยอมรับ Consent Form ลงเครื่องแล้วจะมาถึงงานยังไง ไปที่ไหนบ้าง จะดูแลและส่งกลับให้ถึงยังไง
ขอบคุณพี่โต๊ด แกนนำหลักที่เข้ามาช่วยกันชาร์จในจุดนี้ รวมถึงแก๊งทีม PM, VA และ Head of Stage ต่างๆ ที่ช่วยกันเช็คความถูกต้อง
การเปลี่ยนสิ่งที่ Confirm แล้วเพียงจุดเดียว จะกระทบเป็นหางว่าวไปในหลายๆ ทีม เช่น Head of stage, Website, MC Script, ภาพเปิดตัวแต่ละ Sessions, Live Agenda ของแต่ละห้อง เป็นต้น (เพราะฉะนั้นถ้า Confirm แล้ว โปรดอย่าแก้กันอีกเลย ขอร้อง)
Content Marketing
นำโดยหัวเรือใหญ่คือพี่ชาล ส่งต่อมายังพี่นิค (ได้เจอกันอีกปี แต่ปีนี้ให้อายมาทำหน้าที่ตามรัวๆ ตรงนี้แทน) พี่นิคเป็นผู้ส่งต่อ strategy มาเป็น execution ให้กับเหล่าน้องๆ อันมี หมุยซัง (ที่จะได้กลับไปเขียน Content จริงๆ แล้วนะ ยินดีด้วย) บิ๋มบิ๋ม มือวาง Graphic อันดับหนึ่งของ Techsauce มีแอร์ และแนนคอยดูอยู่ไม่ห่าง อีกทั้งยังมีงานส่งต่อไปยังทีมงานเพชรบุรี ที่วิดีโอออกมาเจ๋งมากๆ อีกด้วย ขอบคุณจริงๆ ที่ช่วยกันขายบัตร และขายบูธ Startup ตอนนี้มี Flash Sale สำหรับปี 2020 เปิดอยู่ด้วยนะ ถึงวันที่ 27 เที่ยงคืนนี้เท่านั้น ห้ามพลาดนะ ราคาถูกมาก!
Content team
ในส่วนนี้เราก็ไม่ค่อยได้ไปเอี่ยวอะไรเท่าไหร่ เพราะมีแอร์เป็นแกนนำหลักในการดูแลทีมงานอยู่แล้ว อันประกอบไปด้วย พี่ซัน น้องเจน แนนจิ หมุยซัง โก๊ต นัท มาร์ค พี่ปูเป้ และ Global Editor Freelance ที่มาช่วยกัน รวมถึงทีมพี่หนูและปิ๋ว วางใจได้ว่ามี Content ดีๆ ตามมาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น บทความภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือจะเป็นวิดีโอ podcast ก็จะมีให้เห็นอย่างแน่นอน
แต่อย่าให้เราเห็นว่าใส่ภาพซ้ำ หรือใส่ Link ซ้ำอีกเลยนะ ขอร้อง 555+
Communication (PM)
หรือเรียกว่าทีม PM 2.5 หรือ ทีม Rescue หรือทีมเก็บขยะ หรือทีมสารพัดประโยชน์ก็ได้เหมือนกัน พวกเราไม่มีหน้าที่หลักอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย หน้าที่ของพวกเราก็แค่
“ทำยังไงก็ได้ให้งานเสร็จ มีปัญหาก็ต้องหาทางแก้ ทำอะไรก็ได้ให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี” จบ…
ขอบคุณปีนี้มีสมาชิกเพิ่มมาอีกสามคน คือ น้องโบวี่ อดีต Head Main Stage ปี 2018 (เด็กปั้นของพี่โต๊ด) ป.แป้ง ที่อยู่ๆ ก็ไม่อยากว่าง อยากจะมาช่วยงาน เลยได้ทำงานเดือดสมใจ และอายอี้ น้องสาวคลานตามกันมาของแอร์ แต่โดนเราปล่อยตะขาบใส่ ขอบคุณที่มาช่วยแบ่งเบาภาระในหลายภาคส่วนไปด้วยกัน //กราบ
ปล. ทีมนี้เป็นทีมช่างฝัน ฝันถึงปัญหาที่จะเกิด แล้วตื่นขึ้นมาแก้ 555+
ปล2. รักและขอบคุณพี่โต๊ดที่ยังคงอยู่ด้วยกันตรงนี้
Exhibitor
ปีนี้ต้องยกให้ ฝ้าย กับ อุ้ม เป็นหลักเลย เป็นปีแรกที่ไม่มีพี่โฟนมาช่วยแล้ว (เนื่องจากคลอดน้อง 55+) อาจจะขรุขระเยอะไปหน่อยสำหรับทีมนี้ ถึงขั้นต้องมีกรุ๊ป “Rescue Exibitor” (อันได้แก่ทีม PM + Pawan + Min) เกิดขึ้น เพราะทำท่าจะไม่รอด พี่ๆ สาย Support จะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด! แต่แล้วหน้างานก็ผ่านไปได้ด้วยดี มีแต่เสียงชม รวมถึงมีคนที่อยากจะซื้อบูธต่อในปีหน้า เป็นสองเด็กที่อึด ทนและเก่งมากๆ //ปรบมือรัว
Media Relationship
แนนผู้เป็นคนจิตใจดีและเย็นที่สุดในแถบภูมิภาคนี้ กับการดูแล PR Agency ทั้งไทยและเทศ ทำให้มีสื่อดังๆ ดีๆ มีความหลากหลายมาร่วมงานจำนวนมาก ทำให้เกิดการสัมภาษณ์มากมาย (เยอะกว่าปีก่อนไปอีก!) รวมถึงความ Fashion ของแนน ก่อให้เกิดการช่วย Curate Entertainment Stage ที่เกิดขึ้นปีนี้เป็นปีแรก เก้าอี้นั่งไม่พอ ยืนกันจนล้นห้อง นั่งพื้นก็เอา (นี่ห้องใหญ่มากละนะ)
Virtual Roadshow
ขอบคุณ Vikki ที่มาช่วยดูแลตั้งแต่ต้น ปีนี้เปลี่ยนแผนคือไม่ได้เอาตัวไปที่ประเทศนั้นๆ เพื่อจัดการ Roadshow แต่ให้ Startup ทำการ Submit Pitch Deck + Video เข้ามาแทน เพื่อให้กรรมการคัดเลือก รวมถึงมีช่วง Public Vote จาก Social Media
แน่นอนว่าครั้งแรกมันก็ต้องเกิดการผิดพลาดเป็นธรรมดา แต่เพราะมี Vikki ช่วยแก้ปัญหา จัดการหลายๆ อย่างได้อยู่หมัด จนสำเร็จออกมาได้ผู้ชนะบนเวที Main Stage ซึ่งพอจบงานก็มี Flight ต้องบินตอนตีสองคืนนั้นเลย
Ticketing
ปีนี้เป็นอีกปีที่เราเลือกใช้ Vendor สองเจ้าเหมือนปีก่อนคือ Soldoutt + ZipEvent แต่ความเจ็บปวดของปีที่แล้วจะไม่มีวันมาถึงเราอีก! มันเป็น pain point ที่เลวร้ายที่สุดของเราปีที่แล้วที่ข้อมูลไม่ sync กัน แล้วต้องใช้คนในการทำ ซึ่งหนึ่งคนในนั้นก็คือเราไง เราต้องนอน!
ปีนี้เลยจับมาคุยกันตั้งแต่ต้นว่าจะ sync ข้อมูลกันยังไง ทำยังไงก็ได้ให้ปัญหาหน้างานน้อยที่สุด ซึ่งปีนี้ปัญหาที่เคยเกิดปีก่อนหายไปเยอะมากๆ (ดีใจ น้ำตาไหล)
ขอบคุณ SoldOutt Support ที่ตอบเมลลูกค้าได้รวดเร็ว โดยเฉพาะสามสี่วันก่อนวันงาน เมลเด้งรัวๆ มาก ขอบคุณทีม ZipEvent ที่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีมาเสมอ ชอบการที่บอกว่า “ทำได้” หรือ “ไม่เคยทำ แต่คิดว่าทำได้” รับคะแนนจิตพิสัยเต็มร้อยไปเลยค่ะ
ปล. ขอบคุณคุณทรี คุณกิฟท์ ที่มาอยู่ Customer Service ด้วยกันอีกปี 55TT55
Business Matching
ปีนี้เราเปลี่ยนจาก DealRoom เป็น Match 360 (Jublia) นำโดยพี่ปอย ผู้ที่จิตใจเย็นที่สุดอีกหนึ่งคนมาช่วยดูแลตรงนี้ พร้อมกับน้อง Gigi Intern จากทาง Singapore ไม่ค่อยต้องไปช่วยอะไรเท่าไหร่ เพราะพี่ปอยจัดการเองได้หมด (คารวะ) ที่ได้ไปเอี่ยวก็คือ Export ข้อมูลผู้เข้าร่วมงานให้พี่ปอยก่อนวันงานหลายๆ รอบ เพื่อ Invite เข้าระบบเท่านั้นเอง ><”
Website and Application
จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย ปีนี้เป็นปีแรกที่เราได้ทำงานกับทีมงานต่างชาติ นำโดย Ben (CTO Hubba) Brendan (CoFounder ของ FA) รวมถึง Dev ชาวเวียดนามจากบริษัท นกฮูกสีทอง (อยากจะแปลเป็นไทย) จะบอกว่าดีก็ดี จะบอกว่าเจ็บปวดก็ใช่ หลาย Feature ทำให้การทำงานหลังบ้านดีขึ้น สบายขึ้น แต่บางส่วนทำมาแล้วก็ต้องตัดสินใจปิด เพราะคนไทยหลายคนยังไม่เข้าใจการใช้งาน ต้อง Back to Basic ไปยัง tools ที่ทุกคนคุ้นเคย บางที Culture จากฝั่ง Australia กับ Thailand ก็ต่างกันตรงนี้
สิ่งที่เราได้เรียนรู้คือ
- การแก้ไข platform ที่มีอยู่แล้วให้เป็นตาม requirement ที่ต้องการนั้นยากกว่าการสร้างขึ้นมาใหม่ แต่จะสร้างใหม่ทุกปี ก็จะเจอปัญหาใหม่ทุกปีอยู่ดี
- หากไม่ทำการ Test ให้ดี ทันทีที่มี feature ใหม่ออกมา ก็จะมาพร้อมกับ Bug ตัวน้อยตัวนิด Bug มีฤทธิ์น่าดู ยู้วฮูว
- การมีทีม Dev มา on-site วันงานเป็นเรื่องที่ดี เพราะแค่เปิดงานมาแป๊บเดียว ในฐานะคนที่ยืนอยู่ตรง customer service ที่รับเรื่องจากลูกค้าที่เดินมาหาคือ ตายหมดทั้งเว็บ ทั้งแอป (หัวใจจะวาย) แต่ก็สามารถ Scale แล้วกู้กลับมาได้ในระยะเวลาไม่ถึง 30 นาที
- ขอบคุณปัญหาหลายๆ อย่างที่ถาโถมเข้ามา ทำให้เราฝึกความอดทน และหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้มากมาย แข็งแกร่งกว่านี้ก็ Thanos แล้ว! (ดีดนิ้ว เปรี้ยงง)
Operation ขอบคุณน้องๆ ทุกคน
- Booth Pawin : Main Stage ที่ปีนี้ได้มีการเต้น Baby Shark เกิดขึ้น และไม่ประกาศชื่อ Winner ผิด (ลุ้นมากเวอร์)
- Bua Napassaporn: สาวน้อยอารมณ์ดี ที่ปีก่อนเคยบินไป Roadshow รัวๆ รวมถึงดูแล Workshop ปีนี้แปลงร่างมาดู Vertical 1–2 แทน ซึ่งคนก็เยอะเหมือนเดิม
- Jenny Punnaros: สมาชิกใหม่ที่เพิ่งมาร่วมงานกับทีม Event ไม่นาน แต่วิถีการทำงานไม่ธรรมดา ในฐานะผู้ดูแล Vertical 3–4 เจอหน้าทีไร น้องก็มีแต่รอยยิ้มให้เสมอ
- Oat Ativaj: จากเด็กดูแลจอ OLED ในปีก่อน กลายเป็นผู้ดูแล Vertical 5 มี Stage เป็นของตัวเอง ซึ่งห้องนี้ล้นมาก ไม่ว่าจะขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าปีก่อนยังไงก็ยังล้นอยู่ดี ยอมแล้วจ้า
- Jay Natsuda: ตอนแรกที่สับสนในตัวน้องเพราะทำหน้าที่เหมือน Admin มาคอยดูแลห้องนอนให้เหล่า Staff แล้วจึงระลึกได้ว่าน้องดู Vertical 6 ที่วันแรกเป็น Entertainment Stage ที่คนล้นๆ นั่นเอง
- และที่ขาดไม่ได้คือ น้องหญิง รวมถึง ดาว และน้องมุ่ย ที่ทำให้การเงิน การบัญชีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จบงานแล้วแต่ทีมนี้น่าจะต้องเจอเอกสารอันมากมายทับตัวอย่างแน่นอน
Sale
เพราะการหาเงินไม่ใช่เรื่องง่าย การดูแลความพอใจของลูกค้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน มีหลายสิ่งที่ทีมนี้ต้องรับหน้าและมากรีดร้องที่หลังบ้าน พวกเราช่วยแก้ปัญหาให้ได้เท่าที่ทำได้ แต่นอกจากนั้นคือไหวพริบและประสบการณ์ในการรับมือล้วนๆ
ดีใจที่ปีนี้ไม่ต้องมาเจอ นาเดีย กับพี่กั้ง นั่งอยู่ Customer Service ด้วยกันเหมือนปีก่อน นั่นหมายความว่าจุดเจ็บในปีที่แล้วได้รับการแก้ไข ถือเป็นเรื่องราวดีๆ
ตัดภาพมาที่ฝ้าย โดนโทรเรียกให้มาแก้ไขปัญหาบัตร Corporate เพราะพี่จะไม่ยอม 555+
Festival
จาก After Party ที่จัดขึ้นใน Main Stage มาหลายปี ความตื้ดของ EDM ที่เป็นที่ประจักษ์จากหลายๆ คนที่มาร่วมงาน ปีนี้เราปรับรูปแบบใหม่ด้วยชื่อเรียกว่า Festival โดยเปลี่ยนไปจัดที่ Park Nai Lert มีดนตรีถึงสามโซนด้วยกัน ให้เลือกเอาตามความชอบใจ
ขอบคุณ 2bable ที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี ไม่เคยทำให้ผิดหวัง การโคงานกับทางฟังใจ ที่ทำให้เราได้วงดนตรีอินดี้ ที่เรารู้จักชื่ออยู่ 2 วง (แต่คนอื่นรู้จักมากกว่านี้) โอเค เราอาจจะ Mass ไปก็ได้ (555+)
แอบเข้าไปดูแฮชแท็คของงาน มีคนหนึ่งเขียน Caption ประมาณว่า Conference ไม่ค่อยดี แต่ After Party ดี (จะดีใจหรือเสียใจดีนะ)
Internship
การที่มี Intern จาก Singapore ทำให้เราสัมผัสได้ว่าประชากรของประเทศนี้ถูกเลี้ยงมาดีจริงๆ อายุไม่ถึง 20 ปี แต่ทำงานได้ดีเสมือนกับว่าทำงานมาหลายปี
- Mei Li ที่ถูก Assign ให้เป็น Head of Volunteer กดดันตัวเองจนทุกคนเป็นห่วง แต่น้องก็ทำออกมาได้ดีมาก
- Kar Ying ที่เสก Mapwize ขึ้นมาให้จนได้ แม้จะไม่ได้ใช้ feature 100% แต่ก็ดีมากๆ แล้ว
- Jasmine & Shi Ning สองคู่หูที่ดูแล Workshop Room 1–3 ให้ออกมาด้วยดี แม้ว่าพี่จะโดนลากไป secure ใน Day1 Session1 ก็ตาม อันนี้เป็นความผิดพลาดของข้อมูลที่ส่งเมลไม่เคลียร์ไปหาคนเข้าร่วมงาน แต่หลังจากนั้นก็ไม่เกิดปัญหาอะไรอีก (ขอบคุณคุณทรี ZipEvent ที่ช่วยวิ่งตามมาด้วย)
- Jimmy Wendy Lincoln สามหน่อผู้มาช่วยเหลือทีม Content ในเรื่องของ Media และ Content ต่างๆ สำหรับผู้ร่วมงาน Jimmy ผู้มีประสบการณ์มาแล้วในปีก่อนก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังอีกเช่นเคย ส่วนสาวน้อย Wendy และเด็กหนุ่ม Lincoln ก็ช่วยทำ Content ใน EDM ใน Website ได้ดีมากเช่นกัน
- และที่ขาดไม่ได้คือ Min ที่มาช่วยเป็น call center “Rescue Exhibitor” ไปด้วยกัน รวมถึงน้องๆ Intern คนไทยที่มาทำให้หลายๆ อย่างในงานมัน Smooth ขึ้น
Volunteer
ร้อยกว่าชีวิตในเสื้อสีส้มของ Need some sauce? และ Ask me ขอบคุณที่มากันด้วยใจ ขอบคุณที่ทำให้งานออกมาดี หวังว่าทุกคนจะได้อะไรดีๆ กลับไปจากงานนี้
Vendor
ไม่ว่าจะเป็นทีมหลักจัดงานอย่าง PixelOne ที่คอยดูแลความเรียบร้อยแทนทีมเราได้เป็นอย่างดี ทีม Registration อย่าง ZipEvent ที่ได้ทำงานร่วมกัน ติดต่อกันเป็นปีที่สอง (คุ้นหน้าคุ้นชื่อกันไปหมด) หน้าจออันมากมายจาก Zebra ทีมตากล้องทั้งภาพนิ่งและวิดีโอที่วิ่งกันไปทั่วๆ งาน คุณตำรวจและพี่ รปภ. ที่มาช่วยกันดูแลความสงบเรียบร้อย ทีมพยาบาล ทีมแม่บ้าน คนที่ดูแลอินเตอร์เน็ตให้งาน (ที่โดนเรียกอยู่บ่อยๆ) และอื่นๆ อีกมากมาย
เราเชื่อว่า งานยิ่งยาก ยิ่งทำให้เราเก่งขึ้น เติบโตขึ้น ขอบคุณที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ดีไปด้วยกัน
จบวันงานแล้ว แต่งานเรายังไม่จบ พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วเตรียมพบกับ DeBrief ที่นับไปนับมาแล้ว เกินสิบ Meeting ไปพร้อมๆ กันในสองสัปดาห์ข้างหน้าต่อจากนี้ :D
นี่อาจไม่ใช่งาน Tech Conference ที่ดีที่สุด แต่ในฐานะทีมงาน เราจะทำให้ดีที่สุด และจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี… See you at Techsauce Global Summit 2020 #TSGS20