ทัศนศึกษา 1/2023 กับ SCK-SHR-WLB ที่ CNX ที่แปลว่า ทำงานก่อนแล้วค่อย Outing เมื่อตะวันตกดิน

Parima Spd
2 min readJan 16, 2023

--

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันที่ 10–15 Jan 2023 ตามสถานที่ต่างๆ ในเชียงใหม่

เป็นโอกาสอันดีที่ได้ร่วมเดินทางไกลผ่านเรือบินสีแดง (ที่ขามาดีเลย์เกือบชั่วโมง) มาเชียงใหม่กับชาวคณะ SCK-SHR-WLB เป็นครั้งแรก

เป็นจังหวัดที่มาบ่อยเหมือนจะเป็นบ้านเกิด (แม้จะเกิดและโตที่ กทม. ก็ตาม)
แม้จะมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ก็ไม่เคยเบื่อ

ตั้งชื่อว่ามา “ทัศนศึกษา” หรือ Outing ใน Calendar แต่ก็ต้องทำการงานกันก่อนในสองวันแรก (ไม่รวมวันเดินทาง)

เรื่องของการงานที่ได้ความรู้เพิ่มเติม จากการเข้าไปเป็นแรงงานและเด็กนั่งหลังห้องเทรนนิ่งใน มช.

Scrum Framework

  1. ไม่ได้ลง Detail ละเอียดยิบ เหมือนที่เรียนตอนเช้า
  2. ย้ำว่า Scrum เป็น framework ไม่ต้องใช้ทั้งหมด
  3. สิ่งใดที่เพิ่มเติมเข้าไป แล้วน่าจะช่วยให้การทำงานของทีมนี้ดีขึ้น Goal ที่ชัด เตรียมของเข้าให้ดี เช็คระยะกันในทุกวัน ว่าเป็นตามแผนหรือไม่
  4. เน้นที่ outcome ไม่ใช่แค่ ทำ feature ให้เสร็จๆ
  5. Scrum ไม่มี sprint fail มีแค่อะไรเสร็จ อะไรไม่เสร็จ
  6. Scrum มาสเตอร์ คือคนที่เก็บรายละเอียดและหลักฐานทุกอย่าง รู้เท่าทันเพื่อมาปรับแก้ ไม่ใช่การสั่งให้ทำ เจอปัญหาวันไหนจัดการไปเลยไม่ต้องรอ Retrospective หน้าที่ของ Scrum มาสเตอร์ คือเคลียร์ปัญหา provide พื้นที่ให้ทีมหาทางออก ถ้าเป็นปัญหาส่วนตัวแล้วกระทบงานทั้งทีม ก็ต้องหาทางแก้
  7. ถ้าทำแค่ Good Bad try แล้วไม่ได้มีอะไร improve จริงๆ ให้เลิกทำ Retrospective ไปก่อน แล้วไปตั้งแผนกับรีวิวรายวันแทน

การให้ความรู้ นำพา และทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

  1. ประเมินหน้างานว่าผู้เข้าร่วมเป็นระดับไหน รู้จักหลักการ วิธีปฏิบัติอื่นใดมามากน้อยเพียงใด ปัญหาอะไรที่เกิด สิ่งที่เรานำเสนอให้ลองปรับดู (เผื่อจะช่วย)
  2. การให้ Value กับคนสำคัญตัวจริง คนที่ตั้งใจเรียน เพื่อให้ทั้งกลุ่มใหญ่ได้ประโยชน์
  3. วิธีการรับมือของตัวตึงที่แตกต่างกัน (มีความใจเย็นที่จริงๆ อาจจะไม่เย็น) เพื่อไม่ให้เกิดการ blame หรือชี้ว่า “นี่คือหน้าที่ของเธอ” จึงใช้คำว่า Development Team ใครทำก็ได้
  4. รับฟังคำถามของผู้เข้าร่วมให้จบ โดยที่ไม่รีบตอบหรือรีบแย้ง
  5. บอกเล่าเรื่อง นำพา โดยการทำให้เห็นภาพชัดๆ ผ่าน Storytelling + Visualization
  6. การเล่าประสบการณ์จริง ฟังแล้วอินกว่าทฤษฎีในหนังสือ
  7. การได้ลงมือทำจริงจะทำให้จำได้มากกว่า (กิจกรรมโยนเหรียญ) ถ้าได้ลองโยนจริงๆ น่าจะเห็นภาพชัดกว่านี้
  8. การทำ Workshop แต่ละครั้งที่เคยเข้าไปเรียน ไม่เคยรันเหมือนกันเลย มีแค่ Guideline ดูเหมือนพี่ๆ ไม่ต้องเตรียมตัวสอนเลย เพราะผ่านการทำงานแบบนี้มาแล้วหลายสิบปี (ส่วนคนทางนี้ก็คือ Panic รอล่วงหน้าเลย) มีการ Sync ส่งต่อกันระหว่างพี่ๆ แค่ไม่กี่ประโยค แต่ก็เล่าเรื่องต่อกันได้โฟลว์มาก
  9. เขียนเพื่อให้เห็นภาพ ไปทีละ Step คอยเบรกทีม เพื่อเช็คระยะว่าผู้เรียนเข้าใจหรือไม่
  10. การเปลี่ยนโทนเสียงไปมา ทำให้เหมือนฟังเรื่องเล่า เพลิน รู้สึกตื่นเต้น
  11. เมื่อเราเขียนโค้ด ให้รันเทสต์ด้วยเสมอ ถ้าเขียนอะไรเพิ่มแล้วผิดไป ก็แค่ลองสลับ sequence ดู บางทีมันก็ “อีกนิดเดียวก็จะได้แล้ว” ถอยกลับมาที่จุดเดิมก่อนหน้า แทนที่จะเปลี่ยนวิธีทั้งหมดแบบล้างกระดาน
  12. ถ้าการสร้างซอฟต์แวร์ไม่ได้แก้ปัญหา แปลว่าเรากำลังสร้างปัญหาใหม่ สัตว์ประหลาดตัวใหม่
  13. สมมติฐานว่าทำสิ่งนี้แล้วแก้ปัญหาได้จริงไหม ต้องไปลองใช้ ทำยังไงให้สมมติฐานเล็กพอที่จะทำให้เสร็จในเวลาอันสั้น แล้วไปทดลองใช้จริง เพื่อพิสูจน์ว่าที่ตั้งสมมติฐานไว้เป็นจริงหรือไม่
  14. ถ้าเราทำจนคล่องแล้วให้ลองไปสอนคนอื่น การสอนคนอื่นได้แปลว่าเราผ่านการทำมันบ่อยๆ
  15. ใช้ตัวอย่างข้อมูลจริง เพื่อให้เห็นภาพตรงกันทั้งฝั่งเจ้าของความต้องการและคนที่จะรับไปพัฒนา
  16. งานเสร็จเมื่อทดสอบผ่านบน UAT ไม่ใช่ “บอกว่า” เสร็จ ต้องเล่นให้ดู รันเทสต์ให้ผ่าน
  17. การทำแผนงาน Sprint planning คือ Project management ปกติ
  18. Project plan คือสิ่งที่โกหกลูกค้าและโกหกตัวเองด้วย เพราะเราเขียนแพลนล่วงหน้า 1 ปี ด้วยการคาดเดา สุดท้ายเราก็ปรับแผนทุกสัปดาห์ แผนก็ยังต้องมีในระดับ milestone แต่ให้ทำ Detail ระดับรอบการทำงาน
  19. ปัญหาที่เจอในการทำงาน process — product — people
  20. Kaisen การทำให้ดีขึ้นไปทีละเรื่อง
  21. รักษาสภาพร่างกายและจิตใจ พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการทำงานแบบนี้มันต้องใช้ความ concentrate
  22. Career Path นอกจากฝั่งพัฒนาบุคคลขององค์กรแล้ว ก็เป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของเราด้วย Extreme programming บอกว่า ให้กันเวลาชีวิตเพื่อพัฒนาตัวเอง 1–2 ชั่วโมงต่อวัน

13 Jan 2023

ช่วงสายถึงเที่ยง แต่ละคนแนะนำตัว ที่มาที่ไป และรับพรจากพี่ๆ ผู้มีประสบการณ์ชีวิตมามากกว่า

  1. เราจะรู้ว่าเราทำอะไรแล้วถนัด ทำแล้วชอบ ทำแล้วดี ก็ต่อเมื่อ ไปลองทำเรื่องพวกนั้นดู แล้วเราจะพบว่า ที่ไม่ทำ ไม่ใช่ทำไม่ได้ แค่ไม่เข้าทางของตัวเอง หรือมันอาจจะต้องใช้พลังเยอะมากในการทำให้สำเร็จ
  2. การมีใครคนหนึ่งเป็นไอดอล อยากเป็นให้ได้เหมือนเขา ไม่ต้องทำเหมือนเขาทุกอย่าง เพราะพื้นหลังภูมิหลังของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจจะเอาวิถีทางของเขามาได้ครึ่งหนึ่ง แต่ที่เหลือต้องหาวิธีทางของตัวเอง
  3. การบริหารจัดการ เริ่มจากการบริหารชีวิตตัวเองก่อน รับผิดชอบงานของตัวเองก่อน หน้าที่ของตัวเองก่อน ยังไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่น
  4. ชีวิตเรามันมีงานส่วนอื่นที่ต้องทำเสมอ แม้จะไม่ชอบมันก็ตาม
  5. การเข้ามาอยู่ที่นี่ หลายๆ คนจะพบว่า มันไม่ได้สนุกตลอดเวลา มีเรื่องที่จะต้องทำมากกว่าในบริษัทใหญ่ด้วยซ้ำ ไม่มี Role ชัดเจน ไม่มีตำแหน่งหัวหน้าด้วย
  6. เราพัฒนาจากเมื่อวานหรือเปล่า มีอะไรได้เรียนรู้เพิ่มไหม ไม่ใช่เราต้องเก่งที่สุด แต่ไม่ใช่มีชีวิตการทำงานเพื่อรอสิ้นเดือนแล้วรับเงินเดือน ตั้งเป้าหมายคนละแบบ ผลลัพธ์ก็ออกมาคนละอย่าง
  7. ทำงานให้เป็นมืออาชีพ ตั้งแผนว่าปลายทางเป็นแบบไหน แล้วก็หาวิธีการของตัวเอง
  8. อยากเป็นมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น มือสมัครเล่น เรียนเพื่อทำให้ถูก มืออาชีพเรียนเพื่อทำให้ผิด เจอข้อจำกัด เจอข้อผิดพลาด แล้วเอามาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอีก การตั้งเป้าหมายให้ถูกแต่ต้น มีผลกับแนวทางการเรียนรู้ของเรา

ช่วงหัวค่ำไปจนถึงเกือบตีหนึ่งของอีกวัน

กิจกรรมแลกของขวัญ จับสลากมอบโชคชั้นที่สอง และคาราโอเกะ ที่แปลว่า แหกปากตะโกนกันมากกว่า รวมถึงพี่ๆ เต้นแรง โดดแรง (น่าจะลืมอายุไปชั่วขณะหนึ่ง)

ถ้าจะให้สรุปสามคำของทริปนี้คือ “อิ่มจนอืด” อย่าให้พี่หนุ่มเป็นคนสั่งอาหารเด็ดขาด เพราะจำนวนจะน่ากลัวมาก (พี่ๆ คนอื่นก็เป็น แต่น้อยกว่าหน่อย)

ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นวัน Free Day แล้วแต่อัธยาศัยของแต่ละคน เราเลยรับบทเป็นหัวหน้าทัวร์เล็กน้อย วันเสาร์ พาชาวคณะขึ้นรถแดงไป ตลาดจริงใจ ช่วงสายๆ และ ถนนคนเดินวัวลาย ช่วงหัวค่ำ ส่วนวันอาทิตย์ตอนเช้าตรู่ ก็ลากประชากรไปด้วยกันรวมห้าหน่วย ไปเดินเส้นทางเทรลวัดผาลาดเล่นๆ ก่อนจะรีบกลับมาเก็บของ เช็คเอาท์ เพื่อไปเติมน้ำมันให้เต็มก่อนคืนรถที่เช่ามา และเดินทางกลับด้วยเครื่องบินในช่วงบ่ายต้น

สุดท้ายนี้ขอบคุณสปอนเซอร์หลักคือบริษัท ที่ออกทั้งค่าเดินทางไปกลับ (เครื่องบิน) รถยนต์เช่าสองคัน ที่พักตลอดห้าคืนแบบนอนคนเดียว อาหารแทบทุกมื้อ รวมถึงสลากมอบโชคชั้นที่สอง

จากที่บอกกล่าวกับพี่ๆ น้องๆ ด้วยความสัตย์จริงท่ามกลางวิวทุ่งนาว่า การมาอยู่ที่นี่ได้ 4 เดือนกว่า บอกเลยว่า “เครียด” แต่จะพยายามเครียดให้น้อยลง (จะพยายามลดความคิดที่เอาตัวเองไปเทียบกับพี่ๆ ให้น้อยลง)

จะพยายามพัฒนาขึ้นในทุกๆ วัน แม้จะแค่ 0.0000000001% ก็ตาม
และจะตั้งใจทำงาน ช่วยกันหาเงินเข้าบริษัทค่ะ (มุ่งมั่น)

ปล. ทริปนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเลขายิ่งกว่าเดิม แถมด้วยเหรัญญิก คอยเก็บใบเสร็จค่าใช้จ่าย Flash back ไปยังสมัยเป็น เหรัญญิก ของภาควิชา ComSci และ SmoSci’53 มาก เพียงแต่สมัยนี้ใช้บัตรเครดิตกับ Scan จ่ายได้ เมื่อก่อนนี่ต้องถือเงินเป็นปึก ต้องระแวงตลอดเวลาว่าเงินยังอยู่กับตัวไหม

--

--

Parima Spd
Parima Spd

Written by Parima Spd

I enjoy reading and writing. Continue to learn and try new things to improve. Before you die, explore this world.

No responses yet