“บรีฟให้ตรงจุด โดนใจใครก็เก๊ท!” — Workshop สายรีบ จบได้ใน 1 ชั่วโมง By P’Amp Chayanat
การสื่อสารมีสองฝั่งเสมอ การบรีฟด้วย Text เดียวกัน ไม่ได้หมายความว่าผลลัพธ์จะออกมาเหมือนกัน
กิจกรรม: วาดน้องสาร ตาม Brief
สิ่งที่เห็น ไม่ใช่ สิ่งที่เป็น
องค์ประกอบการสื่อสาร: ผู้ส่ง / สื่อ / ผู้รับ ทำยังไงให้คนรับสารเข้าใจตรงกันกับเรา สื่อมันมีมากกว่าการคุยกัน เช่น ประสาทสัมผัส พูด คิด/จินตนาการ ภาษากาย ฟัง/ได้ยิน เขียน/ข้อความ และอื่นๆ
อัตราส่วนของการสื่อสาร
7% คำพูด 38% โทนเสียง 55% ภาษากาย
ถ้าพี่แอมพูดซ้ำๆ ว่า “อย่ามอง อย่านึกถึง กระต่ายสีฟ้า” เราก็จะมองอยู่นั่นแหละ
สมองจะรับสารว่า “เสียงดัง” เข้าไป ให้เปลี่ยนเป็น “พูดเสียงเบาๆ หน่อย” พร้อมด้วยโทนเสียงและภาษากาย หรือ “อย่ามาสาย” ก็ให้เปลี่ยนเป็น มาให้เร็วขึ้น หรือระบุเวลาไปเลย ใช้คำให้ตรงประเด็น และเลี่ยงการ Blame
วิธีการรับรู้สมองคนมีอยู่ 4 แบบ
Representational System (Rep. System) จริงๆ มี 6 แต่อีก 2 ไม่ค่อยเคลียร์ ก็คือมาจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเรา ได้แก่ การมองเห็น Seeing การได้ยิน Hearing ความรู้สึก Feeling กลิ่น Smelling รส Tasting
- Visual ภาพ
- Auditory เสียง ถ้าได้ยินเสียง noise จะรับความรู้สึกได้ไวมาก
- Kinaesthetic ความรู้สึก ให้เล่าเรื่องยี่สิบปีที่แล้วก็ยังเล่าได้
- Auditory Digital รับรู้ด้วยเหตุและผล คุยกับตัวเองเยอะ ต้องวิเคราะห์
วิธีสังเกตลูกตาของฝั่งตรงข้ามที่เราคุยด้วย 98% มีแนวโน้มว่าคนนั้นจะเป็น Type นั้นๆ
เช่นการเปิด Google Maps
- V = จำภาพ Map
- Auditory = โทรหาให้ใครสักคนอธิบาย
- K = จำได้ว่าเคยไปแถวนั้น
- Ad = เปิดไปจนถึงหน้า Direction
สังเกตว่าตัวเอง คู่สนทนาเป็นแบบไหน และเลือกช่องสนทนาให้ตรงกับผู้ฟัง
เช็คสไตล์การสื่อสารง่ายๆ 2 วิธี
- ทิศทางการรับมือกับเป้าหมาย
- แรงจูงใจในการตัดสินใจ
Toward บอกวัตถุประสงค์เสร็จแล้ว พุ่งไปเลย VS Away from problem คนที่ detect ปัญหาได้เร็ว
เลือกงานให้เหมาะกับประเภทของคนนั้น
Internal Reference มีข้อมูล มี Standard เป็นของตัวเอง VS External Reference ต้องการข้อมูลจากข้างนอก
ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่าเค้ามีแนวโน้มเป็นคนแบบไหนด้วยการสังเกตก่อน ถ้ารู้ว่าน่าจะเป็น internal ให้ brief ด้วยข้อมูล แล้วจบด้วยคำถาม แล้วให้เค้าเป็นคนตัดสินใจ เป็นคนพูดออกมา
Build Rapport การสร้างความสัมพันธ์ในเลเวลที่เค้าอาจจะไม่รู้สึก
เช่น ถ้าพูดเร็ว พูดเร็วตาม ถ้าเค้านั่งพิง ก็พิงตามเค้า เวลาเดินเข้าห้องประชุม อย่านั่งตรงข้าม ให้นั่งข้างๆ กัน
โดยแบ่งออกเป็น ผ่านทางภาษากาย (สายตา ท่าทาง ฯลฯ) และภาษาพูด (หาจุดเชื่อมโยงผ่านหัวข้อ เช่นความชอบคล้ายกัน, การใช้ภาษา, การแสดงออกถึงอารมณ์ความมีส่วนร่วม)
เทคนิคการบรีฟ — WHOM
What — Who — Why — When — Where — How — How much — Obstacles — Metaphor (Reference)
ถ้าคิดไม่ออก ให้กรอกตามนี้ให้ครบทุกช่อง อย่างไรก็ตาม ต่อให้กรอกไปแล้ว แล้วเราไปคุยกับคนที่เป็น A เราก็ต้องอธิบายให้เขาฟัง
เวลาที่จะไปบรีฟงาน/รับบรีฟงาน เราสามารถ Set Intention ได้ คือการกำหนดความตั้งใจ คุณลักษณะ อารมณ์ตัวเราเอง ที่จะสนับสนุนให้เราไปสู่เป้าหมาย เช่น เราต้องการเคลียร์ เราจะ make sure ว่าทุกคนเคลียร์ / เราต้องการที่จะ open-minded ก็คือจะ take note เก็บมาทั้งหมด โดยที่ไม่ bias ไม่เถียง
Sandwich Structure
เปิดด้วยการ build rapport สังเกตคู่สนทนา ใช้เวลา ice break ก่อน > บรีฟ ขอข้อมูลให้เคลียร์ ชัด ได้ทั้งตัวหนังสือ อธิบาย และภาษากาย > สรุป ถ้าเราเป็นคนบรีฟ เราจะให้คนฟังเป็นคนสรุป จะได้เข้าใจตรงกัน แต่ถ้าเรารับบรีฟ เราจะเป็นคนสรุปและถามเค้ากลับ เราเข้าใจตามนี้ๆ ถูกต้องไหมคะ มันคือการทวน (recap)
เวลาที่พี่แอมไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกค้าพูด = บอกในสิ่งที่เราเข้าใจนิดเดียว แล้วบอกว่า ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหม ช่วยอธิบายอีกครั้งได้ไหมว่าเข้าใจถูกไหม
จงบรีฟอย่างมีสติ มีเหตุผล และอารมณ์จะต้องเคลียร์
(และพี่แอมฝากมา) คอร์สนี้ดีมาก สามารถติดต่อพี่แอมไปสอนได้เลย ขนาดแค่ 1 ชั่วโมงยังสนุกและได้ความรู้ขนาดนี้
ติดต่อได้ที่ amp@chayanat.co หรือทาง Line at ‘@chayanat’
#Techsauce knowledge sharing