#priwreadbooks Happy Talent เก่งให้สุด สุขไปกับงาน
#HRcenter ชัชพล ยังวิริยะกุล
“Talent” ภายในองค์กร คือใคร ทำไมองค์กรถึงจัดให้เราเป็น Talent?
Happy Talent คืออะไร
Talent หรือคนเก่ง หลายคนจะนึกถึงคนที่พิเศษกว่าคนอื่น มีพรสวรรค์ มีความพิเศษกว่าคนอื่นโดยที่ไม่ต้องฝึกฝน แต่จริงๆ แล้วทุกคนสามารถเป็นคนเก่งได้ในแบบของตัวเอง บางคนอาจจะค้นพบสิ่งนั้นได้เร็วและมีโอกาสพัฒนาจนก้าวไปเป็นคนที่โดดเด่นได้เร็วกว่าคนอื่น บางคนอาจใช้เวลานานหน่อยกว่าจะมุ่งไปทางทิศทางที่ใช่ ในขณะที่อีกหลายคนอาจไม่มีโอกาสได้ค้นพบความเก่งในตัวเองตลอดชีวิตการทำงานเลยก็ได้
แต่เราจะเป็นคนเก่งไปทำไม ถ้าเป็นแล้วไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ การเป็นคนเก่งที่มีความสุขน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการมากกว่า การจะก้าวเป็นคนเก่งที่มีความสุขได้สิ่งแรกสุดจะต้องรู้ว่า เป้าหมายปลายทางของตนเองต้องการอะไร แล้วมองย้อนกลับมาเพื่อให้เห็นถึงวิธีการที่จะไปสู่จุดนั้น
- เราใช้เวลามากกว่าครึ่งชีวิตในการทำงาน
- เราเป็นคนเลือกโอกาส
- เราอาจถูกคนอื่นแทนที่ได้
- การหนีตายจากเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต
เราทุกคนเป็น Talent ในแบบของตัวเอง
แต่ละคนมีทักษะ ความสามารถและประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้แตกต่างกัน หน้าที่ของคุณคือ หาจุดมุ่งหมายของชีวิตและสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ เมื่อมีจุดมุ่งหมายของชีวิต รู้ว่าอะไรมีคุณค่ามีความสำคัญสำหรับตัวเอง การจัดหางานหรือพัฒนาทางทักษะต่างๆ เพื่อให้เราเข้าใกล้จุดหมายนั้นก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม
รู้จักตัวเอง
- ขั้นที่ 1 ไม่รู้ว่าไม่รู้อะไร
- ขั้นที่ 2 รู้ว่าไม่รู้
- ขั้นที่ 3 มีความสามารถแบบมีสติ
- ขั้นที่ 4 กระบี่อยู่ที่ใจ
การรู้จักตัวเองนอกจากจะเป็นการช่วยให้เราเห็นจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองและมุมอับ ยังช่วยพัฒนาการเป็นคนเก่งที่มีความสุขอีก ถ้าอยากทำความรู้จักกับตัวเองมากขึ้น หนังสือแนะนำเครื่องมือ 3 ตัวคือ กราฟชีวิต ประวัติการทำงานและการวิเคราะห์ SWOT
ค่านิยม คือหลักการหรือสิ่งที่คุณเชื่อว่าสำคัญกับชีวิตของคุณ
การที่เรารู้จักค่านิยมของตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการรู้จักตัวเอง ซึ่งจะทำให้เราจัดลำดับความสำคัญและทำในสิ่งที่เราเชื่อ ซึ่งจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ทุกคนมีค่านิยมเป็นของตัวเองอยู่แล้ว การคิดถึงค่านิยมของตัวเองไม่ใช่การคิดไปในอนาคตแต่ให้ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งอาจเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ได้
ส่วนสุดท้ายที่ควรรู้คือ เป้าหมายชีวิต เพราะจะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญ ให้ความรู้สึกพอใจ และมีความสุขจากการก้าวเข้าใกล้เป้าหมายของชีวิตที่คุณวางเอาไว้
ค่านิยม เป้าหมายชีวิต สามารถปรับเปลี่ยนได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือ เป้าหมายชีวิตของคุณจะเป็นเหตุผลคำถาม “ทำไม” ในสิ่งที่คุณทำและช่วยคุณในการตัดสินใจทำหรือไม่ทำเรื่องต่างๆ ตามลำดับความสำคัญ ว่าสิ่งใดช่วยให้คุณเข้าใกล้หรือออกห่างเป้าหมายชีวิตของคุณ
ทุกคนมีเวลาเท่ากัน การที่เรารู้ว่าเราอยู่ตรงไหนจะช่วยให้เราประหยัดเวลาและถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็ว
เหมือนการตรวจสุขภาพประจำปี โดยให้เริ่มประเมินตัวเอง และให้คนรอบตัวในที่ทำงานช่วยประเมิน อาจจะแบ่งออกได้เป็นเรื่องของสุขภาพ ความสัมพันธ์ส่วนตัว ความสัมพันธ์ในที่ทำงาน รายได้ ผลงาน ทักษะการพัฒนาตัวเอง
- มุมมองของคนอื่นต่อตัวคุณอาจไม่เหมือนกับสิ่งที่คุณคิดว่าคุณเป็น
- ความสามารถและทักษะของคุณในปัจจุบันไม่ได้กำหนดความสามารถที่แท้จริงของคุณ
- การพัฒนาตัวเองในการทำงาน นอกจากปัจจัยโดยตรงเช่นทักษะหรือผลงาน ยังมีปัจจัยอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบซึ่งกันและกันและส่งผลต่อการทำงาน ที่เราควรต้องขอ feedback จากคนที่เกี่ยวข้องรอบตัวเพื่อพิจารณาเพิ่มเติม
นิยามของคนเก่งในแต่ละองค์กรอาจไม่เหมือนกัน
มันเป็นไปได้ที่จะไม่สอดคล้องกับเป้าหมายหรือค่านิยมของตัวเอง คุณสามารถฝืนทำเพื่อให้เป็นคนเก่งของบริษัทได้แต่คุณจะไม่มีความสุขในการทำงาน กรณีนี้คุณควรมองหาองค์กรอื่นที่มีพื้นที่ความสนใจร่วมกันมากขึ้น มีค่านิยมและลักษณะของคนเก่งที่สอดคล้องกับจุดแข็งของตัวคุณ
นอกเหนือจากทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทักษะที่สำคัญมากทักษะหนึ่งในการทำงานคือ ทักษะการสื่อสาร การสื่อสารที่ดีช่วยให้งานที่ยากง่ายขึ้น ลดเวลาลดความซ้ำซ้อนในการทำงานได้มากและยังทำให้การทำงานในทุกๆ งานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แผนการพัฒนาตัวเอง
จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการเป็นคนเก่งขององค์กร ไม่มีใครสนใจการพัฒนาตัวคุณเท่ากับตัวคุณเอง
เทคนิคในการสร้างเครือข่ายในองค์กร
- ทำงานที่มีโอกาสได้เจอสมาชิกจากหลายๆ แผนก
- ทำความคุ้นเคยกับเลขาแผนกต่างๆ
- นัดทานข้าวหรือทานกาแฟกับเพื่อนร่วมงานใหม่ๆ
- สนใจรู้จักมากกว่าในฐานะเพื่อนพนักงาน
- มองหาวิธีเพิ่มคุณค่าให้กับคนอื่น
คนที่เหมาะจะเป็น mentor
ไม่จำเป็นต้องเก่งด้านนั้นที่สุด แต่ให้มองหาคนที่มีประสบการณ์ตรงด้านนั้น ผ่านจุดที่คุณกำลังอยู่มาก่อน และเข้าใจอุปสรรคที่คุณประสบอยู่
ทักษะที่สำคัญที่สุดในการหางาน
คือการสร้างเครือข่าย ยิ่งถ้าคุณรู้จักคนมาก หรือรู้จักคนที่อยู่ในองค์กรที่เราสนใจยิ่งมีโอกาสดีกว่าคนอื่น
ข้อดีของการวางแผนลาออกทุกปี
- มองตัวเองเป็นเจ้าของธุรกิจ
- มีความสุขในการทำงานมากขึ้น
- มีโอกาสได้งานดีๆ
- คุณจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
- คุณจะมีความพร้อมกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
วิธีการหางานที่ดีที่สุด
คือคิดแบบนายจ้าง ซึ่งต้องการลดความเสี่ยงแล้วจัดลำดับความสำคัญของการใช้เวลา ผ่านพีระมิดการหางานจากบนลงล่าง
สิ่งที่คนไทยเก่งๆ ขาดในการก้าวไปทำงานต่างประเทศ
แบ่งได้เป็น 3 อย่างคือ การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การแสดงความคิดเห็น การโชว์ว่าเรามีดีอย่างไร
- รู้ว่าเป้าหมายคืออะไรและต้องทำอะไรบ้าง
- ปรับหรือเปลี่ยนพฤติกรรมทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน
- รักษาพฤติกรรมใหม่ให้นานพอจนกลายเป็นนิสัย
ขอบคุณพี่มิหมีที่ให้ยืมอ่านค่ะ