#priwreadbooks ราชาครึ่งชีวิต (Half a King) พันธมิตรครึ่งโลก (Half The World) กลศึกครึ่งสงคราม (Half a War) — Shattered Sea

Parima Spd
2 min readFeb 5, 2023

--

#WordsWonderPublishing Joe Abercrombie เขียน กานต์สิริ โรจนสุวรรณ​ แปล

ราชาครึ่งชีวิต Half a King

“ราชาต้องมีชัย สื่งอื่นมีค่าเพียงเศษธุลี”

เจ้าชายยาร์วี่ โอรสคนสุดท้องของราชาแห่งเก็ตแลนด์ เกิดมาพร้อมกับแขนที่พิการไปหนึ่งข้าง ทำให้เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ดังนั้นยาร์วี่จึงเข้าฝึกฝนตัวเองเพื่อที่จะเป็นที่ปรึกษา (ราชมนตรี) ให้กับท่านพ่อและพี่ชาย แต่ว่าโชคชะตากลับทำให้เขาต้องเข้ารับภาระหน้าที่ที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน เพราะท่านพ่อและพี่ชายถูกลวงไปฆ่า การเมืองในราชสำนักก็มีอยู่ทุกที่ เจ้าชายยาร์วี่ โดน อาแท้ๆ และสมุนของเขาลอบสังหาร แต่เขาก็ช่วงชิงจังหวะเพียงเสี้ยววินาทีท้าทายความตายในอีกรูปแบบและรอดมาได้อย่างสะบักสะบอม

เล่มนี้เราจะเห็นเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด การที่เจ้าชายตกเป็นทาส ต้องไปพายเรือรับใช้ โดนสวมปลอกคอ ท่ามกลางความหนาวเหน็บในดินแดนแห่งทะเลแชตเตอร์ ท่ามกลางไฟสงครามที่คุกรุ่น ท่ามกลางเล่ห์เหลี่ยมของผู้คนรอบข้าง ยาร์วี่ใช้สติปัญญา ความเฉลียวฉลาดในการใช้ชีวิตด้วยความอดทน และหาทางเอาตัวรอดมากลับมายังบ้านเมืองเกตต์แลนด์ของเขา เพื่อทวงความยุติธรรมจนได้

แต่เรื่องก็พลิกผันอีก เมื่อคนที่เจอในเรือ ที่เป็นเพื่อนผู้ช่วยเหลือ กลับเป็นลุงแท้ๆ ของเขาเอง แถมยังซ้อนเรื่องอีกว่าราชมนตรีคนปัจจุบันที่เป็นอาจารย์ของเขาก็เป็นผู้วางแผนชักใยอะไรบางอย่าง

แต่ในที่สุดแล้ว เจ้าชายยาร์วี่ ก็ได้เป็น ฟาเธอร์ยาร์วี่ อย่างที่วาดหวังไว้

พันธมิตรครึ่งโลก (Half The World)

“บางครั้งผู้หญิง ก็ถูกสัมผัสจากพระแม่สงคราม”

ธอร์น บาธู คือหญิงสาวคนนั้น นางฝึกฝนตัวเองเพื่อจะได้เป็นนักสู้ภายใต้การนำขององค์ราชาอัทธิล และเพื่อล้างแค้นผู้ที่ฆ่าพ่อของนาง แต่เหตุการณ์กลับผลิกผัน เพราะอาจารย์ผู้ฝึกสอนไม่ปลื้มนางเท่าไหร่ นางโดนทดสอบด้วยการให้เพื่อนร่วมฝึกที่เป็นชายสามคนรุม และนางก็พลั้งพลาดทำคนหนึ่งเสียชีวิต เส้นทางชีวิตของการเป็นนักสู้เหมือนจะจบสิ้นลงแล้ว แต่โชคชะตาก็เล่นตลก นำพานางมาอยู่ในเรือของฟาเธอร์ยาร์วี่ ราชมนตรีแห่งเก็ตต์แลนด์ ผู้ได้รับการกล่านขาวว่ามีเล่ห์เหลี่ยมล้ำลึก

ฟาเธอร์ยาร์วี่ ราชมนตรีแห่งเกตต์แลนด์ แบกความเป็นความตายของอาณาจักรไว้บนบ่า ตำแหน่งที่สูงส่งมาพร้อมกับภาระอันหนักอึ้ง เขารู้ดีว่าสงครามระหว่างเก็ตต์แลนด์กับอัครราชาอาจจะปะทุขึ้นมาเมื่อใดก็ได้ สิ่งที่ราชมนตรีพึงกระทำคือ หาพันธมิตรเพื่อเตรียมรับมือกับมัน แม้ว่าจะต้องไปไกลถึงครึ่งโลกก็ตาม (คนละทะเล)

ในเล่มนี้ฟาเธอร์ยาร์วี่ไม่ใช่เด็กพายเรืออีกแล้ว แต่เป็นผู้นำของเรือ พร้อมด้วยลูกเรือและผองเพื่อนตัวละครใหม่ที่โผล่มาเพิ่ม เช่น ธอร์น บาธู, สเคิร์ฟ, แบรนด์, รัลฟ์ (จากเล่มแรก), บลู เจนเนอร์ (จะโผล่มามีบทบาทเด่นในเล่มสาม), คอลล์, เจ้าหญิงไวอาไลน์,​ ซูมาเอล (จากเล่มแรก) ระหว่างทางจะเป็นเรื่องราวการเดินทางจากทะเลแชตเตอร์ที่พวกเขาอยู่ ข้ามแม่น้ำ แบกเรือข้ามภูเขาไปยังทะเลโกลเด้น จุดไหนแวะพักบางทีก็ได้เจอเพื่อน บางทีก็ได้เจอศัตรู การปะทะที่เลือดสาดกระเซ็น

ในตอนท้ายเล่ม ธอร์น บาธู ที่ได้รับการฝึกตลอดการล่องเรือกับแม่มดสเคิร์ฟ ได้ถูกแต่งตั้งเป็น โล่ประจำตัวราชินีเลธลิน (แม่ของยาร์วี่) และได้เป็นผู้ปะทะกับ กอร์ม ผู้นำแห่งแวนสเตอร์แลนด์ คนที่ฆ่าพ่อของนาง แทนราชาอัทธิลที่กำลังป่วยอยู่ นางสู้ได้เป็นอย่างดี แต่ก็พ่ายแพ้และเกือบจบชีวิตลง แต่ก็ยังรอดมาได้อีก เพราะ ซิสเตอร์อิสเรียน (ลูกสาวอาของยาร์วี่) มัวแต่ตะโกนสั่งการจนกอร์มหัวเสีย เลยเปลี่ยนเป้าหมายจัดการแทน

ธอร์น บาธู ได้แต่งงานกับแบรนด์ เพื่อนร่วมพาย และเช่นเคย ราชมนตรีคือคนที่คอยชักใยอะไรเบื้องหลังเสมอ

กลศึกครึ่งสงคราม (Half a War)

“เราแพ้แล้ว”

ราชาฟินน์เอ่ยขึ้นพลางมองลงไปที่เบียร์ของตัวเอง เมื่อมองท้องพระโรงอันว่างเปล่า
สคาร่าก็รู้ว่ามันเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ฤดูร้อนที่ผ่านมา วีรบุรุษนักสู้ที่มารวมตัวกันแทบทำให้คานหลังคาระเบิดเพราะคำพูดอันโอ้อวดแกมกระหายเลือดและบทเพลงแห่งความรุ่งโรจน์ของพวกเขา รวมถึงการสัญญาว่าจะมีชัยเหนือไพร่พลของอัครราชา แล้วก็เป็นอย่างที่พวกผู้ชายมักจะเป็น พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นนักพูดที่ดุดันมากกว่าจะเป็นนักรบ

เมื่อเวลาสองสามเดือนผ่านไปโดยไม่ได้สู้รบ ไม่ได้ชื่อเสียง และไม่ได้กำรี้กำไร พวกเขาก็หายหน้าหายตาไปทีละคนๆ เหลือเพียงคนอับโชคกระหยิบหนึ่งที่ยืนแอบๆ อยู่แถวบ่อก่อไฟขนาดใหญ่เปลวไฟภายในนั้นช่างริบหรี่พอๆ กับโชคชะตาของโทรเวนแลนด์

“ป่า” อันเต็มไปด้วยเสาค้ำซึ่งครั้งหนึ่งเคยคลาคล่ำไปด้วยนักรบ ตอนนี้มันกลับเนืองแน่นไปด้วยเงามืด แออัดไปด้วยความผิดหวัง พวกเขาแพ้แล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้สู้ในสนามรบเสียด้วยซ้ำ

“คำพูดคืออาวุธ”

เจ้าหญิงสคาร่า จากเมืองโทรเวนแลนด์ผู้สูญเสียทุกอย่างไปกับสงคราม ทั้งพ่อ ปู่ ราชมนตรี มาเธอร์ไคร์ และเมืองของเธอ ได้เห็นทุกสิ่งที่นางรักกลายเป็นเถ้าธุลี นางต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้สิ่งที่เป็นของนางกลับคืนมา สิ่งเดียวที่นางเหลืออยู่คือคำพูด

คำพูดบางคำก็มีอำนาจไม่แพ้ดาบของนักรบ นางจะต้องลับคำพูดให้แหลมคมเพื่อทวงคืนสิ่งที่เป็นของนางกลับมา

พันธมิตรของทั้งสามเมือง นำโดย ฟาเธอร์ยาร์วี่ ธอร์น บาธู กอร์ม มาเธอร์สแกร์ ราชาอัทธิล นำเหล่านักรบของเกตต์แลนด์ แวนสเตอร์แลนด์ รวมถึงนักรบส่วนน้อยของโทรเวนแลนด์ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับกองทัพของอัครราชา ผู้รวบรวมกองทัพที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาสู่สงครามนับแต่แต่วันเวลาของพวกเอลฟ์ นำโดย ไบร์ท ยิลลิ่ง ชายผู้บูชาแต่เพียงเทพแห่งความตาย หรือยมทูตเท่านั้น

“เวลาแห่งพระแม่สงครามมาถึงแล้ว”

ในเล่มนี้จะได้อ่านการรบพุ่งอันดุเดือดระหว่างกองทัพ การต่อสู้ตัวต่อตัว การสูญเสียบุคคลสำคัญอย่างราชาอัทธิล รวมถึงแบรนด์ สามีของธอร์น บาธู การใช้พลังอำนาจของอาวุธเอลฟ์ที่เป็นข้อห้ามของคณะราชมนตรี การชิงไหวพริบกันอย่างเฉียบคมระหว่าง เหล่าราชมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้อง

เราจะได้เห็นสติปัญญาและความลึกลับของยาร์วี่ ราชมนตรีแห่งเก็ตต์แลนด์ ที่อาจจะเป็นผู้วางหมากนี้ไว้ตั้งแต่ต้น

โดยรวมแล้วหนังสือสนุกดี แต่การแปลบางคำอาจจะไม่ค่อยรื่นตาเท่าไหร่

ขอบคุณหงส์ที่ให้ยืมมาอ่านจ้า

--

--

Parima Spd
Parima Spd

Written by Parima Spd

I enjoy reading and writing. Continue to learn and try new things to improve. Before you die, explore this world.

No responses yet