#priwreadbooks ร้านหนังสือมินาโตะที่เรารัก

Parima Spd
Oct 8, 2024

--

#ไดฟุกุ คิตากาวะ ยาสึชิ เขียน เสาวณีย์ นวรัตน์จำรูญ แปล

“พลิกความเหนื่อยให้เป็นกำลังใจ”

วันหนึ่งโยชิโตะ ครูมัธยม วัยห้าสิบกว่าปี ได้รับสายจากตำรวจว่า พ่อที่ไม่ได้เจอกันกว่า 38 ปี เสียชีวิตอย่างเดียวดายในร้านเช่าหนังสือมินาโตะซึ่งพ่อเขาเป็นเจ้าของ

แต่โยชิโตะไม่มีอาการเสียใจ เพราะเขากับพ่อตัดขาดความสัมพันธ์กันตั้งแต่ 38 ปีที่แล้ว โยชิโตะเกลียดพ่อของเขามาโดยตลอด เพราะพ่อผลาญเงินไปกับการดื่มเหล้าจนไม่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว ครั้งนั้นโยชิโตะและแม่ต้องหนีออกจากบ้านโดยไม่มีอะไรติดตัว เพราะรู้สึกว่าพ่อไม่รักพวกเขา จึงตัดขาดกันตั้งแต่นั้น

เรื่องนี้กลายเป็นปมในใจของเขา เพื่อใช้ชีวิตต่อไป เขาจึงลบพ่อออกจากความทรงจำ เขาแทบไม่มีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับพ่อเหลืออยู่เลย

แต่เมื่อกลับไปที่ร้านมินาโตะในฤดูใบไม้ร่วง เพื่อสะสางสมบัติของพ่อที่บ้าน เขาจึงไม่อยากเก็บอะไรไปเป็นของดูต่างหน้าทั้งนั้น และต้องการมอบหนังสือในร้านทั้งหมดให้กับ มานาเบะ โยโกะลูกค้าประจำของที่ร้าน

ระหว่างที่ดูข้าวของของพ่อ เขาก็เจอเสื้อฮับปิที่สำหรับใส่ในเทศกาลแห่ดังจิริ ทำให้เขาย้อนไปถึงตอนเด็กๆ ที่เขาสวมเสื้อฮับปิและได้เป็นคนตีกลองของขบวนแห่สมัยที่อยู่ชั้นประถมศึกษา หลังจบงาน พ่อของเขาได้มาหาและมอบแอปเปิ้ลแคนดี้ให้ ซึ่งเป็นความทรงจำดีๆ เรื่องเดียวที่เขามีกับพ่อ

เมื่อโยชิโตะได้คุยกับ โยโกะ (ที่จริงๆ แล้วก็คืออาจารย์ที่เคยมาฝึกสอนตอนที่โยชิโตะยังเป็นเด็ก และทำให้เขาเลือกที่จะเป็นครูคณิตศาสตร์) ก็ทำให้รู้ว่าพ่อของเขามีมุมที่แตกต่างออกไปจากที่คนในครอบครัวรับรู้

การได้พบผู้คนในงานเทศกาลดังจิริ และความทรงจำเรื่องพ่อจึงหวนกลับมาทำให้เขาตื่นตะลึง โยชิโตะ ตัดสินใจ เผชิญหน้ากับภาพลักษณ์ที่แท้จริงของพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต และยังเป็นช่วงเวลาแห่งการเกิดใหม่เพื่อรักษาหัวใจของตัวเองอีกด้วย

ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “คุณพยายามใช้ชีวิตได้ดีแล้ว” ไม่มีอะไรต้องเสียใจภายหลัง

ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็มีเรื่องที่ต้องก้าวผ่านทั้งนั้น และยิ่งเป็นเรื่องของคนในครอบครัวแล้วด้วย มันอาจจะยิ่งยากกว่าเดิม

ครอบครัว มันคือ การรบกวนกันและกัน บางทีการที่เราคิดว่ารบกวนจนไม่กล้าพูดอะไร มันก็เป็นการขีดเส้นความสัมพันธ์รูปแบบหนึ่ง ยิ่งกับครอบครัวถ้าคิดแบบนี้มันคงอึดอัดน่าดู

การปาหินใส่น้ำในภาชนะต่างๆ ผลกระทบมันต่างกัน ภาชนะก็เหมือนกับใจเรา ว่าจะเป็นภาชนะแบบไหน แก้ว ชาม อ่าง แม่น้ำ ทะเล หรือการที่คนจะมองเราว่าเป็นคนแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าเอาค่านิยมแบบไหนมาวัด

//ยืม ebook จาก https://elibrary-bkk.hibrary.me/

--

--

Parima Spd

I enjoy reading and writing. Continue to learn and try new things to improve. Before you die, explore this world.