#priwreadbooks วันที่แม่ไม่อยู่

Parima Spd
1 min readSep 8, 2020

#แพรวสำนักพิมพ์ ชินกยองซุก เขียน วิทิยา จันทร์พันธ์ แปล

ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราทั้งหลายเห็นว่าเป็น “แม่” นั้น ก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง เคยมีความฝันในชีวิตเช่นกัน เธอไม่ได้เกิดมาเป็นแม่ตั้งแต่แรก

“ไหนเล่าเรื่องแม่ให้ฟังหน่อยสิ”

“เรื่องแม่หรือคะ”

“ใช่ … เรื่องของแม่ที่เธอรู้คนเดียวน่ะ”

“ชื่อพักโซ-นยอ เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1938 ผมสั้นดัดหยิก มีผมหงอกแซม โหนกแก้มสูง ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า เสื้อคลุมสีขาว สวมกระโปรงพลีตสีครีม สถานที่ที่หายตัวไป…”

พี่สาวหรี่ตามองแก ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง

“เธอไม่รู้จักแม่ นอกจากตอนที่แม่หายตัวไปงั้นเหรอ”

เรื่องราวเกิดขึ้น ณ สถานีรถไฟใต้ดินโซล เมื่อสองสามีภรรยาได้เดินทางจากบ้านนอกเพื่อมาฉลองวันเกิดกับลูกๆ ที่เติบโตแล้วของพวกเขา “ปาร์ค โซ-นโย” ผู้เป็นทั้งภรรยาและแม่ของลูกๆ ได้พลัดหลงกับสามี ท่ามกลางฝูงชนที่แน่นขนัด และหายตัวไป

ความรู้​สึก​ผิดของคนในครอบครัว​เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันแรกที่แม่หายตัวไป แต่ลูกๆ และคนในครอบครัว​ กลับไม่มีแม้กระทั่ง​รูปของแม่ในปัจจุบั​น ไม่รู้​ด้วยซ้ำแม่เกิดวันที่อะไร ปีอะไร

เมื่อแม่หายตัวไป ลูกๆ ก็ประกาศตามหา ทั้งแจกใบปลิว ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ ให้รางวัลสำหรับคนที่แจ้งเบาะแสให้พวกเค้ารู้ โดยระหว่างช่วงเวลาที่พวกเขาตามหาแม่ ลูกๆ แต่ละคนจะย้อนกลับไปคิดถึงทบทวนช่วงเวลาตอนเด็กหรือเรื่องสำคัญที่เคยเกิดขึ้นระหว่างแม่กับตัวเอง เรื่องที่พวกเขาไม่เคยสังเกต ไม่เคยตั้งคำถาม หรือลืมนึกถึงในสิ่งที่แม่ทำให้พวกเขา

“วันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี หนูจะไม่เขียนหนังสือ แต่เขียนสิ่งที่อยากทำลงไปแทน สิ่งที่อยากทำ สิ่งที่ต้องทำ ในช่วงสิบปีข้างหน้า ที่เขียนไว้ไม่มีข้อไหนเกี่ยวกับแม่เลยสักข้อ ตอนที่เขียนหนูไม่รู้ตัวหรอกนะ พอแม่หายตัวไป หยิบมาดูอีกทีถึงได้เห็น”

ในขณะที่ทุกลมหายใจเข้าออกของแม่มีแต่เรื่องของเรา แต่สำหรับเราแม่ไม่ได้อยู่ในเป้าหมายชีวิตเลย ลูกกี่คนแม่สามารถสละเวลาได้ แต่แม่คนเดียวลูกเสียสละเวลาไม่ได้ แม่ทำงานหนักเพื่อให้ลูกเติบโตไปใช้ชีวิตที่ตัวเองฝัน จนเมื่อลูกไปถึงฝันแล้วกลับไม่มีแม่อยู่

การออกตามหาครั้งนี้ สมาชิกในครอบครัวแต่ละคน ได้ค้นพบด้านต่างๆ ของคนเป็นแม่ที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน หนังสือพาเราไปทำความรู้จักกับแม่และภรรยาที่ต้องแต่งงานแบบคลุมถุงชนตั้งแต่อายุ 17 ปี อ่านเขียนหนังสือไม่ได้ ทำงานทุกอย่างในบ้านตั้งแต่ซ่อมหลังคา ทำไร่ ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ทำอาหาร ทำความสะอาด เรียกได้ว่าเธอทำทุกอย่างในบ้านเองคนเดียว แม่ที่ขยันทำงานส่งลูกทั้ง 5 คนเรียนจบและมีหน้าที่การงานที่ดี แม่ที่ป่วยแต่ถ้าไม่ถึงที่สุดก็ไม่ยอมไปรักษา แม่ที่เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อครอบครัว

แม่อยู่แต่ในครัว ทำอาหารให้ทุกคนในบ้านกินมาทั้งชีวิต แม่รู้สึกยังไงกันแน่ พวกเราตะกละตะกลามกันขนาดนั้น คิดดูสิ แม่ตั้งโต๊ะกินข้าวสองโต๊ะเสมอ หม้อหุงข้าวก็ใบใหญ่มาก

มีใครชอบหรือไม่ชอบงานครัวได้ด้วยเหรอ งานที่ต้องทำ ก็แค่ทำๆ ไป แม่ทำอาหาร พวกแกก็มีข้าวกิน ได้เอาไปโรงเรียน ก็เท่านั้นแหละ คนเราเกิดมา มีใครได้ทำแค่งานที่ตัวเองชอบบ้างล่ะ จะชอบหรือไม่ชอบ ก็เป็นงานที่เราต้องทำทั้งนั้น

งานครัวมันไม่มีทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด มื้อเช้าจบไป ก็มีมื้อเที่ยง มื้อเย็นตามมาอีก แล้วก็วนกลับมามื้อเช้า เป็นงานที่ไม่มีวันจบสิ้น งานครัวก็เหมือนติดคุก ถ้าไม่แต่งงาน แม่อาจไม่เกลียดการหุงหาอาหารมากเท่าน้ี ถึงอย่างนั้นแม่ก็ชอบเห็นพวกแกเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตอนได้เห็นพวกแกนั่งรอบโต๊ะกินข้าว แย่งกันกินจนช้อนชนช้อน แม่รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าดีใจไปมากกว่านี้แล้ว

สิ่งหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดออกมาให้เราได้เห็นคือ ความทรงจำของลูกที่มีต่อแม่ บางอย่างที่พวกเขาและเธอรู้เกี่ยวกับแม่ในวันที่แม่ไม่อยู่ มันแตกต่างไปจากสิ่งที่พวกเขารู้จริงๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วไม่มีใครรู้จักแม่อย่างแท้จริง

มนุษย์เรายิ่งเผชิญชีวิตอยู่บนโลกนี้นานแค่ไหน ก็ยิ่งพบเจอความโหดร้ายมากขึ้นแค่นั้น

เมื่อเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น มนุษย์เรามักอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขเสมอ เอาแต่หมกมุ่นคิดว่าตอนนั้นไม่น่าทำแบบนั้น

เป็นหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกอึดอัด ซึม หน่วงมาก คำว่า “แม่” มันคือการเสียสละที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ดูแลคนในครอบครัวให้ดีก่อน “วันที่แม่ไม่อยู่” จะมาถึง

--

--

Parima Spd
Parima Spd

Written by Parima Spd

I enjoy reading and writing. Continue to learn and try new things to improve. Before you die, explore this world.

No responses yet