#priwreadbooks อุ่นไอในใจเธอ Put your head on my shoulder

Parima Spd
1 min readJul 16, 2019

#อรุณ จ้าวเฉียนเฉียน เขียน พันมัย แปล

เรื่องนี้จะเล่าถึงชีวิตรักของตัวละครสองคน จากชีวิตนักศึกษาปีสี่ต่างสาขา พระเอก ‘กู้เว่ยอี้’ นักศึกษาสายวิทย์เอกฟิสิกส์ อัจฉริยะตัวพ่อ บ้านรวย กับนางเอก “ซือถูมั่ว” เด็กบัญชีแต่สนใจงานสายโฆษณา ออกจะเพี้ยนๆ บางเวลา

“กู้เว่ยอี้ ยิ้มหน่อย” มั่วมั่วตัดสินใจจัดระเบียบให้ เพราะทนมองท่าทางตายด้านของกู้เว่ยอี้ไม่ไหวแล้ว
“บอกให้ยิ้ม นายจะทําหน้าตายทําไมฮะ” กู้เว่ยอี้ไม่สนใจเธอและหันไปจ้องฟู่เพ่ย แต่ฟู่เพ่ยไม่มีเวลามาสนใจพวกเขา เพราะเขาถูกหวังซานจับคล้องแขนแน่น จะแกะออกก็รู้สึกไม่ดี และเขาไม่คิดจริงๆ ว่าแรงของผู้หญิงจะเยอะขนาดนี้ กลับไปสงสัยต้องนวดน้ํามันแล้ว
“กู้เว่ยอี้มองกล้อง” มั่วมั่วเห็นกู้เว่ยอี้มองฟู่เพ่ยด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วก็อารมณ์ขึ้นทันที นี่หาคนที่มีรสนิยมเดียวกับตัวเองไม่ได้แล้วหรือไง เลิกทําให้คนดีๆ ต้องเสียคนได้มั้ย
“รู้แล้ว” กู้เว่ยอี้ยอมเลื่อนสายตามามองกล้องอย่างเกียจคร้าน ผู้หญิงคนนี้พยายามเรียกร้องความสนใจจากเขาสุดตัวเลยจริงๆ
“ยังไม่ยิ้มอีก” มั่วมั่วไม่ปลื้มเอามากๆ
“กับเธอฉันยิ้มไม่ออก” กู้เว่ยอี้เลิกคิ้วแล้วยิ้มทําให้คนอื่นๆ พากันหัวเราะตามไปด้วย มีเพียงมั่วมั่วคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าสายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยันมากแค่ไหน เหมือนเขาเห็นเธอเป็นแมลงสาบตัวใหญ่เธอจึงถลึงตาตอบแล้วกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพพวกคนโง่เง่าที่หัวเราะกันเป็นบ้าเอาไว้

กู้เว่ยอี้คลิกเปิดภาพภาพแรกเป็นภาพของซือถูมั่วที่น่าจะเป็นภาพแอบถ่าย เพราะเธอกําลังนั่งนวดขาอยู่บนพื้นหญ้า มีแสงยามเย็นส่องลงมาเล็กน้อยทําให้ตัวเธอเหมือนถูกอาบไล้ด้วยแสงสีทองยามโพล้เพล้ทั้งปลายผมและขนตาที่หลุบลงมาเหมือนมีเงาของแสงอาทิตย์ไหวระริกด้านหลังเธอ เป็นพื้นหญ้าเขียวขจีและเงาจางๆ ทอดยาว อืม…ผู้หญิงคนนี้ขึ้นกล้องดี ผิวสวยดีมาก ขนตาก็ยาว แต่ปากจิ้มลิ้มนั่นเม้มแน่นเกินไป ทําให้ดูดื้อ สรุปคือคนที่ถ่ายภาพนี้มีฝีมือดีมาก เขาคลิกภาพต่อไปเป็นภาพของเธอกับฟู่เพ่ยทั้งสองยิ้มเหมือนคนบ้า ภาพต่อไปเป็นภาพของฟู่เพ่ยกับเพื่อนของซือถูมั่ว ภาพต่อไปเป็นอาเค่อกับฟู่เพ่ยและเพื่อนของซือถูมั่ว ภาพต่อไป…กู้เว่ยอี้เพิ่งรู้ว่ามีรูปของซือถูมั่วไม่เยอะ หรือมันจะไปอยู่ในกล้องของคนอื่น
กู้เว่ยอี้พูดใส่หน้าจอว่า “อาเค่อฉันส่งรูปที่ถ่ายวันนี้ไปให้นายแล้วนะ นายส่งรูปที่อยู่ในกล้องนายมาให้ฉันด้วย”
อาเค่อที่อยู่ห่างออกไปสองโต๊ะ ได้ยินแล้วก็ตอบกลับมาว่า “อืมได้”

มั่วมั่วฝืนยิ้มขณะตอบว่า “มีคนกระชากกระเป๋าฉันค่ะ ฉันเลยถูกรถลากไปสองสามเมตร”
“คุณผู้หญิงไม่ร้องไห้เลยแบบนี้เก่งจริงๆ เลยครับ” พี่โชเฟอร์จับพวงมาลัยด้วยมือข้างหนึ่งแล้วชูนิ้วโป้งอีกข้างมาให้ที่เบาะหลัง กู้เว่ยอี้มองกระจกส่องหลังไปเห็นใบหน้าฝืนยิ้มและขาเลือดอาบของเธอแล้วอดมุ่นคิ้วไม่ได้ เขาหยิบกระดาษทิชชูกล่องหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าคนขับส่งให้ซือถูมั่วที่อยู่เบาะหลัง “เช็ดเลือดที่ขาก่อน”
“ขอบคุณ” มั่วมั่วรับทิชชูมา แล้ววางไว้บนที่นั่งข้างตัว กู้เว่ยอี้เห็นเธอไม่ยอมทําอะไรจึงอดถามไม่ได้ว่า “ไม่เช็ดเหรอ”
มั่วมั่วนึกด่าความเจ้ากี้เจ้าการของเขาอยู่ในใจแต่ยังพูดด้วยดีๆ ว่า “ไม่ต้องหรอก”
“เกิดเลือดไปเลอะรถคนอื่นเขาจะทํายังไง” กู้เว่ยอี้พูดเสียงหนักขึ้นอย่างอดไม่อยู่เพราะเลือดที่เปรอะขาของมั่วมั่วทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจ และถ้ามีเลือดโชกอยู่แบบนี้ก็ดูไม่ออกว่าแผลสาหัสขนาดไหน
“ไม่เป็นไรครับ” คนขับพูดแทรกขึ้น ซือถูมั่วอยากจะเอาเลือดบนตัวไปป้ายกู้เว่ยอี้โทษฐานยั่วโมโหเธอ เสียแรงที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเขาเป็นคนดี
“เช็ดสิจะชักช้าทําไม” กู้เว่ยอี้เร่งเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมขยับ
“เลิกกวนใจสักทีได้มั้ย! ฉันกลัวเลือดแล้วจะให้เช็ดยังไงเล่า” มั่วมั่วแผดเสียงใส่เขาอย่างอดไม่อยู่ เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้หญิงบอบบางน่าทะนุถนอมดังนั้นจึงไม่เคยบอกใครว่าเธอเป็นฮีโมโฟเบีย
กู้เว่ยอี้ชะงักแล้วหันไปบอกคนขับว่า “พี่ครับช่วยจอดข้างทางแป๊บนึงนะครับ” เขาเปิดประตูด้านหน้าลงไป แล้วมาเปิดประตูด้านหลังรถ เพื่อขึ้นมานั่ง มั่วมั่วตะลึง อย่าบอกนะว่าเขารําคาญจนจะมาซัดฉันน่ะ
กู้เว่ยอี้ดึงกระดาษทิชชูสองสามแผ่นออกมาจากกล่องแล้วก้มลงเช็ดเลือดที่ขาให้เธอเบาๆ จนเห็นเนื้อหนังที่ค่อยๆ โผล่ออกมา และพบว่ามันไม่ได้มีแค่เลือดกับเนื้อเท่านั้นแต่ยังมีทรายอีกจํานวนหนึ่งจมอยู่ในเนื้อด้วย หัวใจของเขาเหมือนมีไฟแผดเผา มั่วมั่วนั่งตัวแข็งไม่กล้ามองการเคลื่อนไหวของเขา ได้แต่จ้องขวัญบนกระหม่อมของชายหนุ่มแทนหัวใจเต้นถี่รัว

พอใกล้เรียนจบ แม่ของทั้งสองฝ่ายก็จับมาให้เป็นรูมเมทอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน ทั้งสองต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกันด้วยความบังเอิญ ระหว่างทางมีจุดให้นางเอกล้างพันธะกับแฟนเก่าที่ยังคงตามตื้ออยู่เรื่อยๆ ชื่อ ฟู่เพ่ย ซึ่งมีพระเอกเบียดตัวแทรกเข้ามาแบบเนียนๆ

กู้เว้ยอี้ เป็นตัวละครปากร้าย เป็นคนขี้โมโหตอนถูกปลุกให้ตื่นถ้าไม่ถึงเวลากำหนด รักสะอาดมาก ชอบอ่านหนังสือยากๆ เป็นคนเข้าใจยาก เข้าถึงยาก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ตัวละครนี้น่ารักคือ ความห่วงใยเต็มเปี่ยมที่แสดงออกด้วยปากร้าย ๆ ของเขานั่นแหละ

พอเริ่มคบกันมันก็ยังอยู่ในช่วงวัยใส หลังเรียนจบหมาด ๆ แต่แล้วกู้เว่ยอี้ก็ได้รับทุน ไปเรียนต่อโทยังประเทศอเมริกา มัวมั่วได้เข้าทำงานในบริษัทโฆษณา จึงกลายเป็นรักระยะไกล ที่มีเรื่องให้หวั่นใจมาเป็นระยะ ความวุ่นวายอันเกิดจากการทำงาน และเพื่อนสนิทในวัยเรียนของเขาและเธอเข้ามาป่วน

เพื่อนสนิทของเธอเป็นอดีตแฟนเขา
เพื่อนสนิทของเขาเคยคบกับเธอ
เพื่อนสนิทของเธอ กับเพื่อนสนิทของเขา เคยเป็นแฟนกัน

แต่เมื่อทั้งคู่ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ก็มีความขั้นกว่าของบทสนทนาไปอีก ตัวพระเอกจะมีวลีเยอะ เช่น นั่น ๆ เริ่มบ่นเหมือนเมียเข้าไปทุกที /สะใภ้เอ๋อ /เมียอสรพิษตัวนางเอกก็ไม่น้อยหน้า จะมีสำนวนจีนแทรกมาบ่อย ๆ เวลาเรียกพระเอก อย่างพ่อเสน่ห์ดอกท้อ (หมายถึงคนหน้าตามีคนชอบเยอะ)

สำหรับใครที่เผชิญกับความรักระยะไกล อ่านหนังสือเล่มนี้ความรู้สึกจะคล้ายพระเอกนางเอกในเรื่องตั้งแต่รู้ว่าจะไป ใกล้จะไป แล้วไปจริงๆ คืออ่านแล้วมีสิทธิ์น้ำตาร่วง

อย่างตอนนางเอกท้อง…จะเจ้าอารมณ์แปรปรวน พระเอกพลิกแพลงวิชาเป็นคนรองรับอารมณ์ ขำตอนคุยโทรศัพท์ข้ามประเทศ
กู้เว่ยอี้: มั่วมั่ว อย่าดุพ่อของลูกสิครับ
ซือถูมั่ว : วันนี้ลูกนายเตะฉัน!! (อารมณ์คนท้อง) สักพักก็สั่งให้เขาบอกรักสิบครั้งไม่งั้นเธอจะร้องไห้ให้เขาฟัง

โดยรวมแล้วก็เป็นหนังสืออ่านฆ่าเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรดี (แม้จะสะเทือนใจเป็นระยะ)

--

--

Parima Spd
Parima Spd

Written by Parima Spd

I enjoy reading and writing. Continue to learn and try new things to improve. Before you die, explore this world.

No responses yet