#priwreadbooks อ่านใจคนได้ใน 1 นาที You Can Read Anyone

Parima Spd
1 min readJan 4, 2022

--

#WeLearn เดวิด เจ. ไลเบอร์แมน เขียน พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ แปล

ความปรารถนาที่จะสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตใจของใครบางคน และล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วเขากำลังคิดและรู้สึกอย่างไรกันแน่

ถามเขาตรงๆ

ถ้าคุณเลือกที่จะเผชิญหน้าด้วยการถามตรงๆ ไม่เพียงแต่คุณจะทำให้อีกฝ่ายออกอาการปกป้องตัวเองเท่านั้น คุณอาจดูเหมือนคนขี้อิจฉาหรือตีตนไปก่อนไข้ ถ้ากลับกลายเป็นว่าคุณเองที่เข้าใจผิด ผลที่ตามมาคือความสัมพันธ์อาจขาดสะบั้นลง

ทำเป็นเฉย

คุณอาจเป็นฝ่ายที่ต้องชอกช้ำใจ ในกรณีที่อีกฝ่ายคิดร้ายต่อคุณ

พยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม

คุณอาจต้องเสียเวลาและทำให้ความสัมพันธ์ย่ำแย่ลงได้ ถ้าถูกจับได้ขณะที่กำลังทำตัวลับๆ ล่อๆ

บทที่ 1 เขาปกปิดอะไรคุณอยู่หรือเปล่า

  • ยิงคำถามที่ไม่ได้เป็นการกล่าวโทษอีกฝ่าย แต่เป็นคำถามที่พาดพิงถึงสถานการณ์ จากนั้นให้สังเกตดูว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณตรวจสอบในเรื่องที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกได้
  • การนำเสนอทางเลือกที่เท่าเทียมกัน ถ้าความสนใจของเขาเอนไปในทิศทางหนึ่ง ก็มีแนวโน้มว่าเขาปกปิดข้อมูลบางอย่างเอาไว้โดยไม่บอกให้คุณรู้
  • การไม่กล่าวหา แต่ให้บอกกล่าวเท่านั้น
  • โยงเรื่องที่คุณสงสัยเข้ากับบางสิ่งที่คุณรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัย แต่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่คุณสงสัย ถ้าเขาพยายามปกปิด หรือปฏิเสธความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว นั่นเท่ากับว่าคุณไขปริศนาของเรื่องที่คุณสงสัยได้
  • ถ้าการต้องปฏิสัมพันธ์กับอีกคนหนึ่งทำให้เขากังวล ก็มีแนวโน้มว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์
  • ภายใต้สมมติฐานว่า ผู้กระทำผิดจะทำทุกวิถีทาง เพื่อสร้างภาพให้ตัวเองดูเป็นผู้บริสุทธิ์

บทที่ 2 เขาชอบหรือไม่ชอบกันแน่

  • เมื่อใดก็ตามที่คนหนึ่งถูกดึงดูดเข้าหาสิ่งเร้าที่ปรากฏในสถานการณ์ที่คุณสงสัย เราย่อมสันนิษฐานได้ว่าเขารู้สึกในแง่บวกต่อสถานการณ์นั้น
  • สีหน้าที่เปลี่ยนไป
  • การใช้คำสรรพนาม
  • การใช้ข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันเป็นทอดๆ บางความสัมพันธ์ก็มีความเชื่อมโยงกันทางสถิติ แต่บางความสัมพันธ์ก็อาศัยเพียงแค่สามัญสำนึก
  • การเชื่อมโยงในทางลบ
  • การเชื่อมโยงในทางบวก

บทที่ 3 เขามั่นใจจริงๆ หรือแค่แกล้งวางท่าไปอย่างนั้น

  • ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกลัว เมื่อคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจ จะเห็นพฤติกรรม 2 แบบได้อย่างชัดเจน คือการกลอกตาไปมา และมีอาการวอกแวกง่าย หรือไม่ก็ตัวแข็งทื่อ และทำในตรงกันข้าม
  • ใบหน้าอาจเป็นสีแดงก่ำหรืออาจซีดเผือด เสียงสั่นตัวสั่น กลืนอย่างยากลำบาก น้ำเสียงเปลี่ยน ทำให้เสียงแหลมและสูงขึ้น เมื่อคนรู้สึกประหม่าจะกระพริบตาถี่ขึ้น
  • คนที่มีความมั่นใจจะเพ่งสมาธิไปที่เป้าหมายและใส่ใจกับตัวเองน้อยลง ในทางกลับกันคนที่กำลังประหม่า จะหมกมุ่นกับความดูดีของตัวเอง อันเนื่องมาจากความกลัว ความเครียดและความวิตกกังวล
  • การบริหารภาพลักษณ์ หมายถึงความพยายามของคนหนึ่งที่จะนำเสนอภาพลักษณ์บางอย่างเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง เช่น แสดงออกมามากจนล้นทะลัก ใช้ท่าทางที่ไม่จำเป็น

บทที่ 4 สถานการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่

  • ผลการวิจัยจำนวนหนึ่งแสดงให้เห็นว่า เมื่อขอร้องให้คนหนึ่งทำในเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงแล้วเขาตอบตกลงที่จะทำตามคำขอ ก็ย่อมมีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะตอบตกลงเมื่อได้รับการร้องขอในเรื่องที่ใหญ่กว่าเดิม
  • คนเราจะมีมุมมองต่อตนเองอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถดึงข้อมูลดังกล่าวออกมาจากความทรงจำได้ยากง่ายขนาดไหน ในขณะเดียวกันเราก็ยังได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เราทำอยู่อีกด้วย แม้แต่การอ่านหนังสือพิมพ์ก็ยังสามารถเปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อตนเองและโลกรอบตัวเราได้
  • ปัจจัยสำคัญในการอ่านใจคนไม่เพียงแต่เราจะต้องพิจารณาตัวมันเอง เราต้องสังเกตร่วมกับสิ่งที่พูดออกมาด้วย เพื่อดูว่ามีความไม่สอดคล้องกันระหว่างท่าทางกับคำพูดหรือเปล่า
  • เมื่อสิ่งต่างๆ ดำเนินไปด้วยดี เราย่อมมีแนวโน้มที่จะอภัยให้กับประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีต อย่างไรก็ตามเมื่อเรากำลังรู้สึกแย่ เราก็มีแนวโน้มที่จะแสดงความไม่เป็นมิตรต่อผู้คนและสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์อันยุ่งเหยิงนี้

บทที่ 5 เขาสนใจจริงๆ หรือคุณกำลังเสียเวลาเปล่า

  • ยิ่งเราต้องการให้บางสิ่งประสบผลสำเร็จมากเท่าใด ความสามารถของเราในการประเมินความสนใจของอีกฝ่ายอย่างเป็นกลางและเที่ยงตรงก็จะยิ่งลดลงเท่านั้น
  • การสังเกตรูม่านตา เป็นวิธีการประเมินความสนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเขาสนใจหรือตื่นเต้น รูม่านตาจะขยายตัวเพื่อให้ได้รับแสงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนและรวบรวมข้อมูลได้มากขึ้น
  • แต่บางคนที่มีความสนใจอย่างมาก เขาอาจพยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่สายตาของเขาจะยังคงจ้องไปสิ่งที่ตนสนใจอย่างไม่คลาดสายตา
  • ยิ่งเราสนใจในคนบางคน หรือของบางสิ่งมากเท่าไหร่ เราจะคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้มา มุมมองของเราจะแคบลงและหันมาใส่ใจกับทุกรายละเอียดปลีกย่อย ดังนั้นจึงสามารถประเมินความสนใจของคนได้ผ่านการสังเกต
  • ยิ่งเขามีมุมมองที่กว้างขึ้นเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งมองเห็นสภาพความเป็นจริงชัดเจนขึ้นเท่านั้น

บทที่ 6 เขาอยู่ข้างเดียวกับคุณ หรือจ้องจะแทงข้างหลัง

  • การแสร้งทำเป็นร่วมมือจะถูกมองในแง่บวกมากกว่าการปฏิเสธความช่วยเหลืออย่างเปิดเผย
  • คนที่ต้องการช่วยเหลือคุณอย่างจริงใจ ย่อมต้องการให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน
  • คนที่ไม่หวังดีกับคุณ จะแสร้งทำเป็นคล้อยตามคำขอของคุณ
  • เพื่อนแท้คือคนที่กล้าบอกคุณในเรื่องที่คุณไม่อยากได้ยิน
  • เหตุผลที่คุณควรเลือกที่จะบอกความลับที่เป็นเรื่องในแง่ดีมากกว่าเรื่องในแง่ร้ายก็เพราะว่า ถ้าเพื่อนที่ดีรู้ว่าคุณกำลังรู้สึกแย่ เขาย่อมยืนกรานที่จะรู้เรื่องดังกล่าวในทันทีทันใด เพราะว่าเขาห่วงใยคุณ
  • จงอย่าตัดสินผู้อื่นจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง แต่จงสังเกตจากหลายเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลาหนึ่งแทน

บทที่ 7 เขาเป็นคนอันตรายหรือเปล่า

  • มนุษย์ล้วนมีแรงผลักดัน 3 อย่างที่คอยคานอำนาจกันได้แก่ ร่างกาย ศักดิ์ศรี และจิตสำนึก
  • จิตสำนึกต้องการทำในสิ่งที่ถูก ศักดิ์ศรีต้องการเป็นฝ่ายถูก ส่วนร่างกายต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายทั้งหมด
  • การทำในสิ่งที่ง่ายและสบายเกิดจากแรงผลักดันจากร่างกาย
  • แรงผลักดันจากศักดิ์ศรีอาจกระตุ้นให้เราพูดจาให้คนอื่นกลายเป็นตัวตลกหรือซื้อรถที่แพงเกินกว่าฐานะ เมื่อเราถูกขับเคลื่อนด้วยศักดิ์ศรี เราทำในสิ่งที่เราเชื่อว่าจะช่วยให้เรามีภาพลักษณ์ที่ดูดี การเลือกทำเช่นนี้ไม่ได้มีพื้นฐานอยู่บนสิ่งที่ถูกต้องแต่อยู่บนสิ่งที่ทำให้เราดูดี
  • สุดท้ายจิตสำนึก เกี่ยวข้องกับการทำในสิ่งที่ถูกต้อง
  • อิสรภาพอย่างแท้จริง ไม่ได้เกี่ยวกับการที่เราสามารถทำสิ่งใดๆ ก็ได้ที่เรารู้สึกอยากทำ แต่เกี่ยวกับการที่เราสามารถทำสิ่งที่เราอยากจะทำอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าในขณะนั้นเราจะรู้สึกอยากทำสิ่งอื่นมากกว่าก็ตาม
  • เมื่อเราเอาชนะความอยากภายในใจได้ นั่นหมายความว่าเราสามารถควบคุมตัวเองได้
  • ความภูมิใจในตนเองและการควบคุมตัวเองนั้นเชื่อมโยงถึงกันอย่างใกล้ชิด เมื่อคนหนึ่งไม่เคารพนับถือตัวเอง เขาก็จะไม่สามารถรักตัวเองได้อย่างแท้จริง ดังนั้นเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าทางอารมณ์ เขาจึงหันกลับไปหาการยอมรับจากโลกรอบตัว การมองเห็นคุณค่าของตัวเองจึงเป็นภาพสะท้อนจากความคิดเห็นของคนอื่น
  • โดยคำจำกัดความแล้ว คนที่มีความภูมิใจในตนเองต่ำ หมายถึงเขาคนนั้นรู้สึกว่าตนเองไม่มีอำนาจควบคุม ดังนั้นถ้ามีสถานการณ์ใดก็ตามที่ทำให้เขาสูญเสียอำนาจควบคุมไป เขาก็จะพยายามต่อสู้เพื่อปกป้องแหล่งกำเนิดเพียงแห่งเดียวของความภูมิใจในตนเองของเขาเอาไว้ และสุดยอดอาวุธก็คือความโกรธ มันจะออกฤทธิ์ในฐานะเครื่องมือปกป้องตนเอง ที่ต่อสู้กับความรู้สึกอ่อนแอที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ

เป็นหนังสือเล่มไม่หนามาก แต่เต็มไปด้วยเทคนิคและสถานการณ์ตัวอย่าง อ่านเข้าใจง่าย แต่เหมือนจับพิรุธมากกว่าอ่านใจจริงๆ

--

--

Parima Spd
Parima Spd

Written by Parima Spd

I enjoy reading and writing. Continue to learn and try new things to improve. Before you die, explore this world.

No responses yet