#priwreadbooks Creative blindness ภาวะสมองบอด
1 min readNov 25, 2022
#WeLearn Dave Trott เขียน พราว อมาตยกุล แปล
ภาวะสมองบอด ไม่ใช้โรคร้าย แต่เป็นการอคติ กับดักทางความคิดที่ทำให้สมองตีบตัน ทำให้ไม่เกิดไอเดียใหม่ๆ เล่มนี้เป็นการรวมเรื่องสั้น ประมาณ 3–10 หน้าต่อหนึ่งเรื่อง แบ่งออกเป็น 7 ส่วนใหญ่ๆ เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องได้สนุกและรู้สึกว้าวไปด้วยในขณะเดียวกัน ยกตัวอย่างเรื่องสั้นในหนังสือ เช่น
ส่วนที่หนึ่ง ความคิดสร้างสรรค์ในจุดที่คาดไม่ถึง
- ในยุคที่ตั๋วดูบอลหายากมาก ต้องจองล่วงหน้า 25 ปี ช่องทีวีเลยจัดแคมเปญสุ่มแจกให้คนดู กลุ่มผู้โชคดีถูกขอให้นำบัตรประชาชนมายืนยันตัวตนด้วย เพราะได้จัดที่นั่งพิเศษเอาไว้ให้ มีของกิน มีกิจกรรมให้ พอทุกคนมาถึง ผู้ดำเนินรายการก็ประกาศว่า “พวกคุณถูกจับแล้ว” แล้วตำรวจก็เข้ามารวบอาชญกรที่ถูกคัดเลือกมาอย่างตั้งใจทั้งหมด 119 คน
- ในซิมบับเว มีจิตแพทย์แค่ 12 คน แต่มีประชากร 14 ล้านคน มีแม่ของหญิงสาวคนหนึ่งแจ้งศูนย์ว่าต้องการความช่วยเหลือ แต่จากนั้นสามสัปดาห์ หญิงสาวก็ได้ฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีเงิน $15 ในการเดินทางไกลกว่า 200 กิโลเมตร จิตแพทย์คนหนึ่งเลยเสนอไอเดียในการสอนคุณย่าคุณยายเกี่ยวกับหลักการกว้างๆ ของการให้คำปรึกษา แล้วตั้งม้านั่งไว้กลางหมู่บ้านให้หญิงสาวมาปรึกษาคุณย่าคุณยายเหล่านี้ หลังจากโครงการนี้เกิดขึ้น อัตราการฆ่าตัวตายก็ลดลง 5 เท่า แถมคุณย่าคุณยายยังรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ด้วย
ส่วนที่สอง การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์
- ในสงครามระหว่างอเมริกากับอิรัก มีคำถามว่าจะทำยังไงให้ทหารจำหน้าตาของผู้นำอิรักได้ บุคคลสำคัญของฝั่งอิรักมีอยู่ประมาณห้าสิบคน สิ่งใดที่ทหารจะพกติดตัวและหยิบขึ้นมาดูบ่อยๆ คำตอบคือ “ไพ่” ที่พวกเขาหยิบมันขึ้นมาเล่นเป็นประจำ แนบรูปผู้นำเหล่านั้น เรียงลำดับจาก แต้มสูงสุด คือคนที่มีตำแหน่งสูงสุด ทหารไม่ต้องจำชื่อด้วยซ้ำ เมื่อพบเป้าหมาย เขาแค่บอกว่า เจอแจ็คโพธิ์ดำแล้ว
ส่วนที่สาม ผลลัพธ์ของการคิดอย่างสร้างสรรค์
- สมัยมีบันไดเลื่อนที่สถานีรถไฟใต้ดินใหม่ๆ ผู้คนต่างหวาดกลัวการใช้บันไดเลื่อน ต่อให้ติดประกาศสื่อสารยังไงก็ไม่มีคนใช้ เลยให้เจ้าหน้าที่ที่ขาขาดข้างหนึ่งเพราะอุบัติเหตุ ขึ้นลงบันไดเลื่อนเป็นตัวอย่าง ทำแบบนี้ทั้งวันจนผู้คนเห็นและเริ่มใช้งานตาม
- ในยุคที่หลุมบนถนนก่อให้เกิดอุบัติเหตุมากมายแต่รัฐบาลไม่สนใจ นักปั่นจักรยานเลยพ่นกราฟฟิตี้เป็นรูปอวัยวะเพศชายแบบรีบๆ ทับหลุมนั้นไว้ จากนั้นไม่ถึง 2 วันถนนก็ถูกซ่อม รัฐบาลยอมให้เกิดอุบัติเหตุจนมีคนตายได้ แต่ไม่ยอมให้มี รูปน่าเกลียดเกลื่อนเมือง
ส่วนที่สี่ ความคิดสร้างสรรค์ที่ใช้ได้จริง
- หลังแมคโดนัลด์สังเกตเห็นว่า 87 เปอร์เซ็นต์ของรายได้มาจากอาหาร 3 เมนู คือแฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอดและเครื่องดื่ม ก็เลยหันมาขายแค่ 3 เมนูจากหลายสิบเมนู เพราะเมนูยิ่งเยอะยิ่งเตรียมยาก ผลลัพธ์คือยอดขายเติบโต บริการดีขึ้น หลักการ 80/20 นี้ใช้ได้แทบทุกวงการ
- ปัญหาคนติดโปสเตอร์โฆษณาในที่สาธารณะ ทำให้รัฐบาลต้องเสียเงินตามเก็บกวาด แม้จะมีกฎหมายห้ามแต่ก็ตามจับได้ ไม่หมด เลยเปลี่ยนวิธี เอาคำว่ายกเลิกตัวโตๆ ไปแปะทับโปสเตอร์ ทำให้พวกผู้จัดงานเสียหาย ภายในสองเดือนคนก็เลิกติดโปสเตอร์กัน
ส่วนที่ห้า เรื่องเหลือเชื่อของความคิดสร้างสรรค์
- สิ่งที่น่าเบื่อเมื่อเราโทรศัพท์ไปบริษัทต่างๆ คือการต้องถือสายรอ มีคนกว่า 40% ตัดสายทิ้งเพราะเบื่อที่จะรอ บริษัทเลยลองเปลี่ยนข้อความเป็น แค่ถือสายรอ คุณก็ได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อการกุศล คุณกำลังทำสิ่งที่มีคุณค่า จากนั้นอัตราการวางสายก็ลดลงจาก 40% เหลือ 5%
- ทุกปีมีทหารผ่านศึกในอเมริกาฆ่าตัวตายวันละกว่า 22 คน ซึ่งมากกว่าการตายจากการถูกฆ่าเสียอีก ทหารเหล่านี้รู้สึกไร้ความสำคัญเมื่อปลดประจำการ แต่พอมีภัยพิบัติ พวกเขารู้ทันทีว่าต้องทำอะไร พวกเขาดูมีคุณค่ามากขึ้น จึงรวมตัวกันก่อตั้งองค์กรเพื่อบรรเทาสาธารณภัย องค์กรนี้มีสมาชิกมากถึง 35,000 คนพวกเขาให้ความช่วยเหลือเหตุฉุกเฉินต่างๆ มาแล้วร้อยกว่าครั้ง
ส่วนที่หก ภาพลวงตาของการสร้างสรรค์
- คดีฆาตกรรมหนึ่ง ตำรวจได้เบาะแสเป็นดีเอ็นเอของผู้หญิงชาวยุโรปตะวันออก และพบดีเอ็นเอนี้ในอีกกว่ายี่สิบคดีตลอด 15 ปี เธอไม่เคยทิ้งหลักฐานเอาไว้เลย เธอคืออาชญากรรมชั้นหัวกะทิ จนกระทั่งในวันหนึ่ง ตำรวจไปเก็บดีเอ็นเอจากศพของผู้ชาย และได้ผลตรวจออกมาเป็นผู้หญิงชาวยุโรปตะวันออก และพวกเขาก็พบว่า ไม้พันสำลีทั้งหมดที่ใช้ตรวจสอบดีเอ็นเอมีสิ่งปนเปื้อนจากโรงงานผู้ผลิตดีเอ็นเอของผู้หญิงชาวยุโรปตะวันออกก็คือคนงานในโรงงานผลิต ตำรวจใช้เวลา 15 ปีกับการไล่ล่าอาชญากรที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง
ส่วนที่เจ็ด การคิดสร้างสรรค์ในชีวิตจริง
- ที่กรมตำรวจลอสแองเจลิส ตำรวจต่อแถวกันจับสลากว่าใครต้องไปตรวจย่านที่มีคนร้ายชุกชุม เพราะทุกคนไม่อยากไปตรวจที่นั่น เลยใช้วิธีจับฉลากเพื่อให้เกิดความยุติธรรม จะได้ไม่มีใครบอกว่าซวยที่ต้องไปตรวจที่นั่นตลอด แต่ก็มีน้องใหม่คนหนึ่งที่เลือกไปตรวจตรงที่มีคนร้ายชุกชุม แล้วเขาก็จับคนร้ายได้มากกว่าคนอื่น การงานก็ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งคนในกรมตำรวจเริ่มบอกว่าไม่ยุติธรรมเลยที่หมอนั่นได้จับผู้ร้ายอยู่เรื่อยๆ เพราะไปแหล่งที่อันตราย หลังจากนั้นทัศนคติของบรรดาตำรวจในกรมก็เปลี่ยนไป
- หลายคนรู้ว่าผักโขมมีประโยชน์ (เพราะมันมีธาตุเหล็ก) อาจจะมาจากการดูป๊อปอาย สมัยเด็กๆ แต่จะมีใครรู้ไหมว่า ที่นักเขียนเลือกผักโขม เพราะนักวิทยาศาสตร์ ใส่จุดทศนิยมผิด ทำให้ผักโขมดูเหมือนมี ธาตุเหล็ก สูงกว่า สเต็ก 10 เท่า ซึ่งข้อมูลผิดโดยไม่มีใครแก้นานกว่า 60 ปี แถมผักโขมยังมีออซาเลตซึ่งเป็นสารยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กอีก แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว ป๊อปอายฝังภาพลักษณ์ของผักโขมลงไปในความคิดของผู้คนเรียบร้อย
ขอบคุณหงส์ที่ให้ยืมมาอ่านจ้า