#priwreadbooks How Lucky I Am

Parima Spd
1 min readMay 31, 2019

#BunBooks พาย ภาริอร วัชรศิริ

นี่ก็เป็นอีกนักเขียนที่เรากลายเป็น FC ไปแล้ว (555+) เล่มนี้เป็นเล่มที่สามของน้องพาย

เนื้อหายังคงมีความเศร้าในชีวิตอย่างต่อเนื่อง และเช่นเคย น้องก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง มองโลกในแง่ดี มองเห็นความสุขและความรักรอบตัวได้อยู่เสมอ แม้จะต้องพบกับความพังทลายในหลายๆ เรื่อง ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ

  • “วิน” อดีตแฟนของน้องพายที่คบกันมาเป็นสิบปี มาถึงจุดที่ต้องเลิกกัน (โถ่ อุตส่าห์ชมและเชียร์มาตลอดสองเล่ม)
  • รวมถึงคุณแม่ ที่ดูแลมาเป็นสิบปีก็ถึงเวลาของท่านที่ต้องจากไป

ความสัมพันธ์หลายครั้งมันมักเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่เราไม่อาจคาดคิด ทั้งการสูญเสียครั้งใหญ่ และการเริ่มต้นใหม่ที่หลายครั้งมันมาแบบไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว แต่การเดินทางมาของมันทุกครั้งก่อให้เกิดบทเรียนและความทรงจำใหม่ๆ เสมอ

ในชีวิตของคนเราต้องพบเจอช่วงเวลาที่เจ็บปวดมากมายยิ่งกว่าช่วงเวลาที่มีความสุข เคล็ดลับสองสิ่งที่จะช่วยคุณผ่านพ้นความทุกข์ใจไปได้ อย่างแรกคือ เวลา แต่เวลาเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะไม่ใช่ทุกเรื่องที่คุณจะผ่านไปได้โดยลำพัง ดังนั้นอีกอย่างที่คุณต้องการก็คือ ใครสักคน ใครสักคนที่รู้ว่าคุณเป็นอย่างไร คุณอยากได้ยินคำพูดแบบไหน ต้องปลอบโยนด้วยวิธีไหนจึงจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หรือที่สุดแล้วใครคนนั้นอาจไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่ได้เจอหน้ากัน แล้วสวมกอดแน่นๆ สักทีก็ทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าเรื่องหนักหนาก่อนหน้านี้ไม่ได้หนักหนาอย่างที่เคย คุณมีใครคนนั้นอยู่ในชีวิตบ้างหรือเปล่า

เราเชื่อว่าบนโลกนี้ไม่มีใครโดดเดี่ยว มีก็แต่คนที่ยังไม่ได้สังเกตให้ดีว่าที่จริงแล้วเรามีความรักรายล้อมอยู่รอบตัวเองเสมอ

เรามัวไปเสียเวลากับสิ่งที่ไม่ชอบ ทั้งที่มันอาจจะไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรด้วยซ้ำ สิ่งที่ควรทำจึงไม่ใช่การเสียเวลาไปหาทางจัดการสิ่งที่ไม่ชอบ แต่คือการโฟกัสกับสิ่งที่ชอบของเราดีกว่า

การตัดสินใจของวินทำให้เราเรียนรู้ว่า การสูญเสียสิ่งที่เรายึดเหนี่ยวไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่มันทำให้เรากลัวการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในครั้งต่อไปน้อยลง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เราก็เข้าใจแล้วว่า ไม่มีอะไรจะอยู่กับเราไปตลอด ไม่ใช่เพราะเราไว้ใจสิ่งนั้นไม่ได้ เพียงแต่เราไว้ใจเวลาและความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ จำนวนวันเดือนปีที่ผ่านมาไม่ใช่สิ่งที่จะยืนยันความแน่นอนต่อไปได้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เรากับวินต่างดีต่อกันเต็มที่แล้ว พอถึงเวลาต้องจากกันก็เลยไม่มีอะไรให้ติดค้างในใจ ไม่ต้องมานั่งเสียดายว่ายังไม่ได้ทำอะไรดีๆให้กันอีก วินทำให้เราเข้าใจว่า ความสัมพันธ์อาจเป็นการผ่านมาพบกันเพื่อปลดล็อคอะไรบางอย่างให้กันและกันก็ได้

ยังไงสักวันฝนก็ต้องตก เราจะหมกตัวอยู่แต่ในบ้านเพียงเพราะไม่อยากออกไปเปียกฝนคงไม่ได้ ก็เดินออกไปพร้อมร่ม แม้ว่าเราอาจจะเปียกบ้าง ติดฝนบ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่เคยออกจากบ้านเลย

ความรักที่เคยทำให้อุ่นใจ ความสัมพันธ์ที่ได้ให้ ได้รับ ได้เกื้อกูลกัน เรื่องราวเหล่านั้นครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้นในชีวิตของเราแล้วจริงๆ และต้องให้ทั้งชีวิตที่เหลือจากนี้จะไม่เกิดอะไรขึ้นอีกเลยก็ไม่เป็นไร

การพรากจากทำให้เราเข้าใจว่า เราไม่สามารถฝากความหวัง ความสุข ไว้กับใครหรือสิ่งใดได้ เพราะไม่มีอะไรคงทนถาวร ขืนพยายามทำอย่างนั้นก็จะพบกับความผิดหวังและเสียใจอยู่เรื่อยไป ในเมื่อความสุขจากภายนอกนั้นไม่เที่ยง ไม่ใช่สิ่งที่แท้จริงจึงมีแต่สุขจากภายในเท่านั้นที่เราพึ่งพาได้ จะสุขหรือทุกข์ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้สึกหรือวางใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร การจากพรากมีขึ้นเพื่อให้เราเติบโต บ่อยครั้งมันจะต้องเคี่ยวเข็ญบีบคั้นเพื่อให้เราฉลาดขึ้น เข้มแข็งขึ้น และเมื่อเติบโตอย่างถึงที่สุดมันก็หมดหน้าที่ไม่บีบคั้นจิตใจเราอีกแล้ว หากแต่กลายมาเป็นแค่ปรากฏการณ์ธรรมดา ไม่ต่างจากกลางวันและกลางคืน

ถ้าเป็นคนที่เราชอบหรืออย่างน้อยก็เคยชอบเรา ก็คงจะมองเขาในแง่ร้ายได้ยากเหลือเกิน บางเรื่องแค่เปิดใจมันก็กลายเป็นเรื่องสนุกได้จริงๆ

เพราะเนยเป็นเพื่อนที่เราคิดว่าเจอเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเป็นเพื่อนที่บ้านใกล้กันในระดับที่ใส่ชุดอยู่บ้านหน้าสดออกไปยืนซื้อบัวลอย หรือกินข้าวต้มแถวบ้านด้วยกันได้ ก็เลยไม่จำเป็นต้องใส่ใจและไม่ต้องรีบรับนัด เพราะคิดว่าจะนัดกันเมื่อไหร่ก็ได้อย่างนั้นหรอ? เราควรปฏิบัติตัวกับเพื่อนคนสำคัญ แบบที่เขาควรได้รับความพิเศษจริงๆมากกว่า

บางที passion อาจเป็นสิ่งที่เราไม่จำเป็นต้องคิดมันขึ้นมา ส่วนความฝันก็ไม่จำเป็นต้องไปบังคับว่ามันต้องมี ในเมื่อเรายังสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ ถึงเราจะยังไม่ใช่เฟืองตัวใหญ่ที่สุดในความฝันของตัวเอง ก็ยังเป็นเฟืองตัวเล็กๆในความฝันของคนอื่นได้

วิธีที่ดีที่สุดที่จะแบ่งปันอะไรสักอย่างออกไป มันไม่ใช่การควักสิ่งที่เรามีออกมายื่นให้คนอื่นจนเราเว้าแหว่ง แต่เป็นการที่เราเติมเต็มตัวเองจนเต็ม จนสุดท้ายมันล้นและเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นมากกว่า

เราจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองก็ได้ แต่การมีชีวิตอยู่เพื่อมีความหมายกับคนอื่นก็ให้ความสุขตอบแทนกลับมาได้ไม่น้อยเลยจริงๆ

ถ้าช่วงสุดท้ายของแม่คือการได้เห็นเรากลับไปใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนคนอื่น แม่รู้ดีว่ามันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อแม่ไม่ได้อยู่กับเราอีกต่อไปแล้ว แม่ทำขั้นที่ยากที่สุดของตัวเองไปแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็จะทำมันให้ได้ ด้วยการทำให้ชีวิตต่อจากนี้จะต้องอยู่ให้ดี มีความสุข และเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม

อ่านจบแล้วก็เป็นกำลังใจให้น้องพายใช้ชีวิตต่อจากนี้ไปอย่างเข้มแข็งและมีความสุข เราจะคอยตามซื้ออ่านผลงานของน้องเสมอ

อีกสิ่งที่เราได้รับรู้คือ โลกเรามันอาจจะแคบอย่างคาดไม่ถึง คนที่น้องพายเขียนถึงในเล่มคือ “แวน” ก็เป็นคนที่เราเคยรู้จักสมัยเคยไปทำค่ายด้วยกัน ความเชื่อที่ว่าคนเรารู้จักกันทั้งโลกในระยะ 5 dot อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้แฮะ

--

--

Parima Spd
Parima Spd

Written by Parima Spd

I enjoy reading and writing. Continue to learn and try new things to improve. Before you die, explore this world.

No responses yet