#priwreadbooks Managing Oneself ปัญญางาน จัดการตน

Parima Spd
2 min readMay 29, 2019

#openbooks Peter F. Drucker เขียน
ถ่ายทอดเป็นภาษาไทยโดย ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา

หนังสือแบ่งเนื้อหาเป็น 5 ส่วน คือ

  1. บทนำ
  2. ปัญญางาน จัดการตน
  3. คำตามและความคิด
  4. อรรถาธิบายคน
  5. บนถนนคำถาม

ผู้เขียนได้ตั้งคำถามสำคัญหลายประการ เพื่อให้เราค้นหาตัวเอง นี่คือหนังสือขนาดเล็ก แต่อัดแน่นด้วยคำถามใหญ่ ที่จะช่วยเราหาคำตอบให้กับชีวิตในยุควิกฤตที่ต้องคิดเรื่องการจัดการตนเอง

เมื่อไม่รู้จักตนเอง จึงไม่รู้ว่าจะจัดการตนเองอย่างไร

อะไรคือจุดแข็งของเรา?

  • คนเรานั้นสร้างผลงานจากจุดแข็งเท่านั้น เราไม่สามารถสร้างผลงานจากจุดอ่อนทั้งหลายของเราได้ หนทางเดียวที่จะทำให้ค้นพบจุดแข็งของตัวเองคือ ผ่านการวิเคราะห์ทบทวนตนเอง
  • เมื่อคุณต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญหรือลงมือทำงานใหญ่ ให้เขียนเป้าหมายที่คุณคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นอีก 9-12 เดือนให้หลัง จึงเทียบเคียงผลสัมฤทธิ์กับความคาดหวัง
  • การวิเคราะห์ทบทวนตนเอง ส่งผลสู่การนำไปปฏิบัติหลายประการ ประการแรกคือการรวมพลังไปที่จุดแข็ง ประการที่สองคือการทุ่มเทพัฒนาจุดแข็งของคุณ ประการที่สามมันจะช่วยให้คุณค้นพบความอหังการทางปัญญา และหาทางก้าวข้ามมันไปให้ได้
  • นักวางแผนต้องเข้าใจว่างานไม่ได้จบเมื่อวางแผนเสร็จ แต่เขาต้องเสาะแสวงหาคนที่จะมาทำตามแผน อธิบายแผนการให้คนเหล่านั้นฟัง เขาต้องปรับและเปลี่ยนแผนเมื่อมันถูกนำไปปฏิบัติจริง
  • เมื่อเปรียบเทียบความคาดหวังและผลสัมฤทธิ์ เราจะพบสิ่งที่เราไม่ควรทำ
  • การพัฒนาจากจุดที่ไร้ความสามารถให้ไปสู่จุดกึ่งดิบกึ่งดี จะใช้พลังงานมากกว่าการพัฒนาจากจุดที่เยี่ยมให้ไปสู่จุดที่ยอดเยี่ยม

ฉันมีวิธีการทำงานอย่างไร?

พวกเราส่วนใหญ่ แทบไม่รู้ตัวเลยว่าเราต่างคนต่างมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน คนเราทำงานสำเร็จด้วยดีเพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบฉันใด คนเราย่อมต้องการทำงานในวิธีการที่ตนเองถนัดที่สุดฉันนั้น

ฉันเป็นนักอ่านหรือนักฟัง?

มีนักฟังจำนวนน้อยมาก ที่จะถูกสร้างหรือสร้างตัวเองให้กลายเป็นนักอ่านที่มีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับที่มีนักอ่านน้อยมากที่ถูกสร้างหรือสร้างตนเองให้กลายเป็นนักฟังที่ดีได้ สิ่งแรกที่ต้องรู้คือ คุณเป็นนักอ่านหรือเป็นนักฟัง มีคนน้อยมากเหลือเกินที่รู้ว่าโลกมีทั้งนักอ่านและนักฟัง และน้อยคนนักที่จะเป็นได้ทั้ง 2 ประเภท

ฉันเรียนรู้อย่างไร?

  • (ฟัง พูด อ่าน เขียน ลงมือทำ จดโน้ต)
  • โรงเรียนทุกแห่ง วางแผนผ่านสมมติฐานว่ามีวิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้องเพียงวิธีการเดียว และเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับนักเรียนทุกคน การถูกบังคับให้เรียนรู้ในวิธีการที่โรงเรียนสอนจึงเป็นการทารุณกรรมเด็กที่มีวิธีการเรียนรู้ต่างออกไป
  • คนบางคนเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ บางคนเรียนรู้ด้วยการฟังเสียงตนเองพูด ในบรรดาองค์ประกอบสำคัญของการศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง ความเข้าใจว่าตนเองเรียนรู้ด้วยวิธีไหนเป็นความรู้ที่ง่ายที่สุด
  • เมื่อผมถามผู้คนว่า คุณเรียนรู้ด้วยวิธีไหน คนส่วนใหญ่มักจะรู้คำตอบ แต่เมื่อผมถามต่อว่า คุณนำวิธีการไปสู่การปฏิบัติหรือไม่ น้อยคนนักที่จะตอบรับ การไม่นำความรู้ไปสู่การปฏิบัติคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการไร้ผลงาน

ฉันทำงานกับคนได้ดีไหม?

คุณจำเป็นต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า ฉันทำงานกับผู้คนได้ดี หรือจะดีกว่าถ้าฉันทำงานคนเดียว ถ้าคุณทำงานกับผู้คนได้ดี คำถามต่อมาที่ต้องถามคือในความสัมพันธ์แบบไหน สมาชิกของกลุ่ม ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือผู้บัญชาการ

ฉันทำงานเป็นคนตัดสินใจหรือที่ปรึกษา?

ผู้นำที่เป็นนักตัดสินใจมักชอบวางคนที่ไว้ใจในตำแหน่งหมายเลข 2 เพื่อเป็นที่ปรึกษาและนั่นเป็นตำแหน่งที่ทำให้พวกเขาโดดเด่น แต่เมื่อพวกเขามาอยู่ในตำแหน่งหมายเลข 1 บุคคลเดียวกันกลับประสบความล้มเหลว เขาและเธอรู้ว่าจะต้องตัดสินใจเช่นไร แต่ไม่อาจแบบความรับผิดชอบได้เมื่อต้องลงมือตัดสินใจจริงๆ

ฉันทำงานได้ดีภายใต้แรงกดดันหรือไม่?

มีคนจำนวนน้อยมากที่ทำงานได้ดีทั้งในองค์กรขนาดเล็ก องค์กรขนาดใหญ่
มีคนจำนวนน้อยมากที่ทำงานได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม

อย่าพยายามเปลี่ยนตัวเอง เพราะคุณจะไม่ประสบความสำเร็จแต่จงทำงานหนักเพื่อพัฒนาวิธีการที่คุณจะสร้างสรรค์ผลงาน และอย่าพยายามรับงานที่คุณไม่สามารถทำได้

คุณค่า(ที่แท้จริง)ของฉันคืออะไร?

  • กระจกทดสอบจริยธรรม ทำให้คุณต้องถามตัวเองว่า ฉันต้องการเห็นคนแบบไหนเมื่อฉันส่องกระจกในตอนเช้า
  • การทำงานในองค์กรที่ให้ค่ากับสิ่งที่เราไม่อาจยอมรับหรือไม่สอดคล้องกับตัวเราย่อมส่งผลให้เกิดความอึดอัดขัดข้องและไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้
  • ทุกองค์กรมีคุณค่าที่ยึดถือแตกต่างกัน การจะทำงานให้ได้ผลในองค์กรหนึ่งองค์กรใด สิ่งที่บุคคลให้ค่านั้น จำเป็นต้องตรงกันกับคุณค่าขององค์กร
  • คุณค่า เป็นและควร จะเป็นบททดสอบสำคัญที่สุดของมนุษย์

ที่ทางของฉันอยู่ที่ไหน?

  • อะไรคือจุดแข็ง
  • ฉันทำงานด้วยวิธีการอย่างไร
  • ฉันให้ค่าต่อสิ่งใด
  • ความสำเร็จในอาชีพการงานนั้นมิได้เกิดจากการวางแผน
  • การพัฒนาตัว ควรเตรียมพร้อมเพื่อรับโอกาสใหม่ๆ
  • เพราะพวกเขารู้จุดแข็ง และวิธีการทำงาน และรู้คุณค่า และรู้ที่ทางของตน สามารถเปลี่ยนสามัญชนคนธรรมดาผู้ทำงานหนักทุ่มเทแต่มีผลงานปานกลางให้กลายเป็นคนทำงานที่โดดเด่นเป็นสง่า

ฉันควรทุ่มเทให้กับสิ่งใด?

  • เราจำเป็นต้องกลับไปตอกย้ำรากฐานสำคัญ 3 ประการคือ สถานการณ์ขณะนี้ต้องการสิ่งใด ด้วยความเข้มแข็งของฉัน วิธีการทำงานของฉัน และคุณค่าของฉัน ฉันจะทุ่มเทที่สุดด้วยวิธีไหนเพื่อให้งานลุล่วงไปได้ และคำถามสุดท้าย อะไรคือเป้าหมายที่จำต้องบรรลุเพื่อสร้างความต่าง
  • แผนการไม่ควรถูกวางเกิน 18 เดือน อีกควรจะต้องชัดแจ้งและเจาะจงอย่างเป็นเหตุเป็นผล
  • การตั้งเป้าหมายที่มิอาจเอื้อมถึง ในสถานการณ์ที่แทบจะเกิดขึ้นไม่ได้นั้นหาใช่ความทะเยอทะยาน หากคือความโง่เขลา

ดูแลใส่ใจในความสัมพันธ์

  • คนส่วนใหญ่ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น และสร้างผลงานร่วมกับผู้อื่น การจัดการตนเองจึงจำต้องรวมถึงความใส่ใจในความสัมพันธ์กับทุกคน
  • ผู้อื่นนั้นมีความเป็นปัจเจกเช่นเดียวกับเรา พวกเขาโหยหาความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเรา ดังนั้นเพื่อให้งานสำเร็จ คุณจำเป็นต้องเข้าใจจุดแข็ง วิธีการทำงานและการให้ค่าของเพื่อนร่วมงาน แม้จะเป็นเรื่องที่น่าจะเห็นได้ชัดแต่มีน้อยคนมากที่จะใส่ใจ
  • เจ้านายนั้นหาใช่ตำแหน่งในแผนผังองค์กรหรือเป็นเครื่องจักรกล หากแต่เจ้านายนั้นก็คือมนุษย์ คือคน ผู้ที่ถึงที่สุดก็ต้องการทำงานในวิธีการที่ตัวเองทำได้ดีที่สุด ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป
  • ปัจจุบันองค์กรไม่ได้สร้างด้วยกำลังอีกต่อไป หากตั้งมั่นขึ้นด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่จำเป็นว่าทั้งสองจะต้องรักใคร่ชอบพอกัน แต่หมายความว่าทั้งสองต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน

ครึ่ง 2 ของชีวิต

  • การทำงานหนักตลอดระยะเวลา 40 ปี ควรจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่เหลือโดยไม่ต้องทำอะไร ได้จริงหรือ
  • ทุกวันนี้ เราเกิดความเหนื่อยหน่ายกับมัน
  • การจัดการตนเองจึงน้อมนำไปสู่การเริ่มต้นอาชีพที่ 2 ประกอบไปด้วย การเริ่มต้นใหม่ การเตรียมสร้างอาชีพคู่ขนานขึ้นมา

ในโลกที่ชีวิตส่วนตัว หน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัวถูกผสานจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน โลกที่การแข่งขันมากมาย ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งหน้าใหม่หลากหลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เราจะวางตำแหน่งตัวเองไว้ที่ไหน เราจะยืนอยู่อย่างไร

ในโลกยุคที่ทุกคนกำลังถูกทำให้เท่ากันหมด ที่ทางของเราจะอยู่ตรงไหน

ในยุคนี้อะไรคือสิ่งที่เราควรจะต้องทุ่มเทเพื่อสร้างความต่าง และสร้างตำนานให้โลกจดจำ ในยุคที่ไม่มีใครจำอะไรได้นาน

เราจะสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์กันอย่างไร ในเมื่อโลกแห่งความจริงเราไม่ได้รักกันเหมือนในโลกโซเชียล

เราจะสร้างความกลมเกลียวให้กับมันได้อย่างไร ในโลกที่ถูกปกคลุมด้วยความเกลียดชัง

เรายังจะรักกันได้อยู่หรือไม่ ในโลกที่ดูเหมือนไร้รักและเหลื่อมล้ำอยุติธรรมและสองมาตรฐาน

เราจะไว้เนื้อเชื่อใจกันได้หรือไม่ ในโลกที่มีแต่ความรุนแรงและอันตราย

เราจะเตรียมการเรื่องอาชีพที่ 2 ไว้แค่ไหน เพราะอายุที่ยืนยาวขึ้นด้วยวิทยาการและการแพทย์สมัยใหม่

เราต้องเตรียมการอาชีพที่ 3 อีกครั้งเมื่อใด เราควรทำสิ่งใดที่มีความหมายเมื่อสังขารร่วงโรยไปแต่ปัญญายังแจ่มใสและเราอาจมีชีวิตยืนยาวได้ถึง 100 ปี

--

--

Parima Spd
Parima Spd

Written by Parima Spd

I enjoy reading and writing. Continue to learn and try new things to improve. Before you die, explore this world.

No responses yet