#priwreadbooks Super Productive
#KOOB รวิศ หาญอุตสาหะ
หนังสือเล่มนี้ แบ่งออกเป็นสามบทหลัก และในแต่ละบทหลักก็จะมีบทย่อยๆ อีกประมาณ 9–12 หัวข้อ
จัดการตัวเอง
อยากทำอะไรให้รีบทำ ดีกว่ามาเสียดายทีหลัง ซึ่งจะต้องมีวินัยในการพัฒนาต่อยอดทำให้ดีกว่าเดิม ถ้าคุณอยากทำอะไรจริงๆ คุณจะมีเวลาให้มันเสมอ อย่ารอให้แก่แล้วมาคิดเสียดาย
การเข้าใจตัวเอง อะไรคือสิ่งที่เราเชื่อ? คุณค่าอะไรที่เรายึดมั่น? เราทำสิ่งนี้ทำไม? เพื่ออะไร? อย่ามัวไปนั่งกังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเราให้มากนัก เพราะถ้าเราพยายามจะเอาใจทุกคน เราคงไม่ต้องได้ทำอะไรกันพอดี แต่ก็ยังให้มีการรับฟัง Feedback อยู่ โดยให้เลือกรับฟัง คนที่หวังดีกับเรา และ คนที่รู้ว่าเป้าหมายของเราว่าทำเพื่ออะไร
สมองของคนเรามีการตัดสินใจอยู่ 2 แบบ นั้นคือ การตัดสินใจอย่างมีเหตุผล ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเราในระยะยาว และการพอใจในสิ่งที่ฉาบฉวย ซึ่งเป็นความสุขชั่วคราวระยะสั้น ความคิดอย่างหลังของเรานั้นจะกลัวสิ่งที่เรียกว่า เดดไลน์ ที่ทำให้เราเกิดปัญหา นิสัยผัดวันประกันพรุ่งต้องแก้ที่ต้นเหตุ ทำได้โดยการวางแผน เลือกสิ่งที่สำคัญที่สุด ซอยให้เป็นเรื่องเล็กๆ แล้วค่อยๆ ทำทีละขั้นตอน ทำให้สิ่งที่จะทำนั้นง่ายที่สุด การลงมือทำ แม้ว่าตอนเริ่มจะยาก แต่ต้องฝืนความคิดแล้วเริ่มลงมือทำให้ได้ พอทำไปสักพักจะไปถึงช่วงที่ลื่นไหล กระทั่งทำงานจนลืมเวลาไปเลย
ให้ทุกคนใช้เวลาหาคำตอบสิ่งที่ทำให้คุณรักงานของคุณจริงๆ
การมี Growth Mindset คือ ความเชื่อว่าทุกอย่างสามารถพัฒนาได้ เรียนรู้ตลอดชีวิต ถ้าหยุดเรียน เราจะไม่พัฒนา
ส่วนมากคนเราจะมี Deep Work 3–5 ชั่วโมงหลังเราตื่นนอน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน บางคนอาจจะเป็นช่วงเย็น หรือดึก ช่วงเวลาสั้นๆ นี้สามารถทำให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากถึง 80%
ภาวะหมดไฟมาจากความไม่พอใจในชีวิต ถ้าเราหาสิ่งนั้นเจอและเอาชนะมันได้ ภาวะหมดไฟก็จะหายไปตามกัน
การตัดสินใจทางธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่คือ Reactive Proactive Strategic
กระบวนการตั้งคำถามมีความสำคัญมาก หลายครั้งเรามุ่งไปหาคำตอบโดยที่ไม่ได้รู้ว่าคำถามที่เราใช้นั้นถูกต้องหรือยัง
จัดการธุรกิจ
เราหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่เราเลือกทิศทางของการเปลี่ยนแปลงได้
การที่จะเกิดการผูกขาดในตลาดได้ต้องทำสิ่งที่ดีกว่าคนอื่นมากๆ เช่น Search Engine ของ Google หรือกาแฟแคปซูล ของ Nespresso ซึ่งช่วงระยะเวลาการผูกขาดนั้นก็เป็นแค่ช่วงหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีคู่แข่งเกิดขึ้นมา
การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) ต้องทำให้ได้จริง ไม่ใช่ดีแต่พูด
ให้มองการขยายธุรกิจ ตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกิจ
สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานเกิดแรงจูงใจที่ดี
คนที่ชอบทำงานหนัก กับคนบ้างาน มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่
เมื่อเกิดความผิดพลาด ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่คำขอโทษ แต่ให้รับมืออย่างจริงใจ
การเล่าเรื่องเป็นวิธีการเข้าถึงใจคนได้ดีที่สุด
จัดการทีม
การสื่อสารที่ดี ช่วยลดความเครียดภายในทีมได้ ทุกคนต้องรู้ว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร บอกสิ่งที่คาดหวังอย่างชัดเจน และคุยกันแบบ 1 ต่อ 1
คนทัศนคติแย่คนเดียว อาจทำลายทั้งทีมได้
เวลาเรามีจำกัด อย่าไปใช้เวลามากกับความคิดเชิงลบ คนที่เต็มไปด้วยพลังงานลบเหมือนเอาอิฐผูกข้อเท้าคุณ แล้วชวนคุณไปว่ายน้ำในสระที่เต็มไปด้วยสารพิษ
การโค้ชชิ่ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ โค้ชฟุตบอลที่เก่ง ไม่จำเป็นที่จะต้องเล่นฟุตบอลเก่งเสมอไป
การให้เกียรติก็เหมือนกับอากาศ ตอนมีอยู่เราไม่ค่อยรู้สึก แต่หายไปเมื่อไร เราจะรู้ทันที ทีมงานที่ได้รับการยอมรับและให้เกียรติ ไม่ใช่แค่ทำงานได้ดีกว่า แต่มีความคิดสร้างสรรค์ ความซื่อสัตย์ และอดทนได้มากกว่า
คุณภาพของทีมงาน สำคัญกว่าคุณภาพของแผนงาน ทำให้เราต้องออกแบบการสัมภาษณ์อย่างเข้าใจ
ความสัมพันธ์ทางสังคมมีผลกับเรามาก
คุณภาพของความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญ
ความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยปกป้องสมองของเราได้
สรุปท้ายเล่ม
- เรามักเสียใจกับเรื่องที่เราไม่ได้ทำ
- ทุกคำล้อเล่นของเพื่อนมีความจริงอยู่ครึ่งหนึ่งเสมอ
- เส้นทางที่พาเรามาถึงวันนี้ เกิดจากการสะสมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์ใหญ่ครั้งเดียว
- อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง
- เราเห็นโลกในแบบที่เราเป็น ไม่ใช่ที่มันเป็น
- เราต้องทุ่มพลังไปกับเรื่องที่เราถนัดจริงๆ งานจึงจะออกมาดี
- การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนกับตัวเอง
- วินัยคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่พรสวรรค์
- เลือกคนที่อยู่รอบตัวคุณให้ดี
- บริหารเวลา บริหารเงินให้เป็น
- อย่าหวังอะไรใหม่ๆ จากพฤติกรรมเก่าๆ
- สะสมเรื่องราวมากกว่าสิ่งของ
- ของที่สร้างยากที่สุดมีสองอย่างคือ ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือ