#priwreadbooks WHAT WILL MATTER หุ่นยนต์ สมอง คน
#Salmon ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
39 บทความว่าด้วยผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากนวัตกรรม ที่สร้างโดยสมองคน จะเป็นอย่างไรหากชีวิตมนุษย์ต้องขึ้นอยู่กับระบบ AI จะเป็นอย่างไรถ้าวันหนึ่งเราสามารถอัพโหลดความทรงจำของตัวเองเข้าไปอยู่ในคอมพิวเตอร์ได้ เส้นทางของมนุษย์ที่เกี่ยวพันกับเทคโนโลยีจะมีหน้าตาแบบไหน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้ายุคของหุ่นยนต์มาถึง ยกตัวอย่างเนื้อหาที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ เช่น
บอทจาก Microsoft ที่กลายเป็นนางร้ายจนโดนแบน
นางร้ายเป็นตัวแทนของความเจ้าคิดเจ้าแค้น ความชั่ว ความเลว สิ่งที่เราไม่ค่อยคิดกันก็คือ ความร้ายนั้นไม่ได้มีมาแต่แรก ไม่ใช่ว่าจู่ๆ ใครจะร้าย ก็ร้ายแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ความร้ายมันค่อยๆ ถูกสั่งสมประสบการณ์มาต่างหาก บอทนี้ก็ไม่ได้เป็นนางร้ายมาตั้งแต่ต้น แต่มีคนกลุ่มหนึ่งต่างหากที่สอนให้บอทกลายเป็นนางร้าย
ระบบที่เข้ามาช่วยให้ศาลตัดสินความผิดจำเลย
แต่กลับทำให้คนต้องติดคุกมากขึ้น เพราะถูกตั้งค่าจากสถิติให้มีการเหยียดสีผิวซ่อนอยู่ เราต้องการหลักการหรือเราต้องการความเห็นใจ สองสิ่งนี้อยู่ร่วมกันได้ไหม ถ้าหลักการนั้นขัดกับความเชื่อของเรา
เราควรเปลี่ยนหลักการเพื่อความเชื่อ หรือเปลี่ยนความเชื่อเพื่อหลักการ
AI ที่ช่วยเรากรองข่าวลวง
ไม่ว่าเราจะมีเครื่องมือในการต่อสู้กับข่าวปลอมที่ดีกว่าเดิมหรือไม่ สิ่งที่จำเป็นเสมอมา ไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคไหนก็คือ วิจารณญาณในการเสพสื่อ การแยกแยะความเห็นออกจากความจริง ทั้งความเห็นของผู้อื่นและความเห็นของตนเอง
ปัญญาประดิษฐ์นั้นเริ่มมีการเรียนรู้ที่จะประดิษฐ์ปัญญาได้เอง
โดยเป็นปัญญาในแบบที่เราอาจไม่มีวันเข้าใจ มันจึงเป็นเหมือนกับกล่องดำที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้อยากให้ตื่นตระหนกว่าพรุ่งนี้ปัญญาประดิษฐ์จะลุกขึ้นมาเข่นฆ่ามนุษย์ แต่สิ่งที่จะบอกก็คือ ถ้ามันทำ คุณอ่านไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันทำไปทำไม
การออกแบบหุ่นยนต์ด้านที่เกี่ยวกับการติดต่อกับผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์
เป็นงานที่สำคัญ และผู้ออกแบบจะต้องมีความรู้ที่ไม่ใช่แค่ศาสตร์แห่งวิศวกรรม แต่ต้องมีความรู้ในด้านสังคมและจิตวิทยาด้วย เพราะการออกแบบบุคลิกของหุ่นยนต์อาจกลายมาเป็นการออกแบบบุคลิกของสังคมในที่สุด
AI กลายเป็นหัวหน้าผู้สั่งงานเราไปแล้ว
หลังจากคนขับ Uber เรียนรู้ว่าระบบบังคับให้เขาต้องออนไลน์กี่ชั่วโมงต่อวันเพื่อให้ได้รับโบนัสพิเศษ แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์หรือความพร้อมที่จะรับผู้โดยสาร สิ่งที่เขาทำก็คือ ขับไปจอดชานเมืองที่รู้ว่าไม่มีคนเรียก เปิดโปรแกรมทิ้งไว้ให้ครบชั่วโมง เท่านี้ก็ได้โบนัสแล้ว “ระบบไม่รู้หรอกว่าพี่ทำอะไรอยู่ มันก็เป็นแค่โปรแกรม” เมื่อตีค่ามนุษย์เป็นเพียงตัวเลข หลายครั้งสิ่งที่ระบบจะได้กลับมา ก็อาจไม่ใช่อะไรที่เหนือไปกว่าตัวเลขเท่านั้นเอง
หากคุณเคยเสียคนที่สำคัญไป คุณก็คงรู้ว่าการรำลึกถึงนั้นสำคัญพอๆ กับการลืม
มีบริษัทรับสร้าง Avatar หลังจากคนเสียชีวิตลง มันจะวิเคราะห์ อีเมล แชทและข้อมูลออนไลน์ของคุณทั้งหมด เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดมา ก็จะประมวลผลเพื่อสร้างตัวตนของเราที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งสามารถโต้ตอบกับคนอื่นๆ ได้
ทางหนึ่งมันก็เป็นการบรรเทาความทุกข์ของคนที่ยังอยู่
อีกทางหนึ่งมันก็เป็นการประกาศศักดาของคนที่จากไป
นอกจากประโยชน์ทางด้านการรำลึก บรรเทาความคิดถึงแล้ว อาจยังมีประโยชน์ในเรื่องอื่นๆ เช่น การเรียนการสอน คุณสามารถเรียนรู้จากนักปราชญ์ที่เสียชีวิตไปแล้วได้ สามารถเรียนเรื่องทฤษฎีสัมพันธภาพจากไอน์สไตน์ได้โดยตรง
แต่อย่างว่า เราอาจไม่สามารถย้อนไปได้ไกลขนาดนั้น แต่อนาคตต่อจากนี้ หากรวบรวมคัดลอกข้อมูลออนไลน์ทั้งหมดของเรา ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง แล้วประกอบกันเป็นตัวตนคนหนึ่ง คุณคิดว่าตัวตนนั้นจะเหมือนกับคุณมากน้อยขนาดไหน
อีก 200 ปีหรือ 1000 ปีคุณอาจได้เล่าเรื่องราวของตัวเองให้ลูกหลานสักคนฟัง
เพียงแต่ว่า ตัวคุณที่เล่า อาจจะไม่ใช่ตัวคุณเท่านั้นเอง
เอาใจออกจากจอ
มีคนเคยตั้งข้อสังเกตว่า “พวกที่มีเรื่องกับพี่ในเน็ตนะ พอมาเจอหน้าก็พูดจาดีหมดเรียบร้อยหมด ไม่เห็นจะมีใครมีเรื่องมีราวกันมากมายเลย” นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของผลที่เกิดจากความเป็นอื่นบนโลกออนไลน์
เราสามารถเป็นอีกคนหนึ่งได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเองมากขึ้นหรือน้อยลง ด้วยมารยาทต่างๆ ที่ไม่เข้มงวด การไม่เห็นหน้ากัน ความรับผิดชอบที่ต่ำกว่าโลกจริง จึงทำให้เรามีโอกาสสำรวจส่วนที่ตัวเองไม่รู้ว่ามีอยู่ นั่นไม่ได้แปลว่า ส่วนที่คุณสำรวจขึ้นใหม่จะเป็นคำตอบว่า นั่นคือตัวตนจริงของคุณ คุณอาจเป็นคุณ หรือคุณอาจเป็นใครก็ได้ หรืออาจเป็นคุณในด้านที่คุณเลือก
หลายครั้งภาษาบนโลกออนไลน์ทำให้เราเข้าใจกันผิดไป การอ่านคำติเตียนของใครคนหนึ่งที่ไม่ได้ตั้งใจสื่อถึงเราเลย แต่กลับคิดว่าเขาด่าอะไรเราอยู่ ทำให้เราเก็บความไม่พอใจไว้ แล้วไประเบิดในสเตตัสอีกอันหนึ่ง ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจไม่เกิดขึ้นถ้าเราได้เจอหน้ากันและคุยกันจริงๆ
แน่นอนว่าการเปิดออกของบุคลิกภาพบนโลกออนไลน์หลายครั้งก็เป็นเรื่องดี แต่หลายครั้งมันก็เป็นเพียงการแสดงให้คนอื่นเห็นคุณอย่างที่คุณอยากให้เห็น และเมื่อนั้นเราอาจต้องถามตัวเองว่า
อะไรกันแน่ที่เป็นเรา หรือกระทั่งไม่มีตัวเราอะไรเลย
และเมื่อไหร่ที่เกิดสงครามโลกออนไลน์ลุกลามจนเป็นสงครามที่กระทบต่อสภาพจิตใจในชีวิตจริง ก็ยังมีทางเลือกหนึ่งอยู่เสมอ นั่นคือลองถอยหลังกลับมาก้าวหนึ่ง ประเมินสถานการณ์ด้วยตัวเราที่เป็นเรา ไม่ได้เป็นโปรไฟล์ Facebook หรือ Twitter และระมัดระวังก่อนจะพิมพ์อะไรลงไป
เพราะคำพูดออนไลน์ไม่เคยลอยหายไปตามสายลม
Notification สั่น ใจก็สั่น
ใบรายงานฉบับหนึ่งบอกไว้ว่า หากเราเปิด Notification บนโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ไว้ตลอดเวลา และถูกรบกวนบ่อยๆ ประสิทธิภาพในการทำงานของเราจะลดลง ลองสังเกตดูว่า ระหว่างทำงานอย่างเดียวติดกันไปสักชั่วโมงหนึ่ง กับทำงานแบบปกติหลายๆ อย่างพร้อมกัน คุณทำงานแบบไหนได้ดีกว่า และดีกว่านั้นเป็นไปในแง่ไหน ปริมาณงาน ความถูกต้อง คุณภาพ
คำตอบของทุกคนคงไม่เหมือนกันนัก ลักษณะของสิ่งรบกวนอาจทำให้ผลของแต่ละคนแตกต่างกันไป แต่ก็คงเป็นเรื่องดีหากเราจะทดลองดูสักหน่อยเพื่อค้นหาวิธีทำงานที่เหมาะกับเรามากที่สุด
Lifelogger
ไม่ว่าใครๆ ตอนนี้ก็ต้องเคยเห็นคนถ่ายรูปในทุกโอกาส การถ่ายรูปเป็นหลักฐานในการดำรงชีวิต สมองคุณอาจจะยังมีคำถามว่า ไอ้ที่ถ่ายๆ ไปนี่มันทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงหรือ ไม่แปลกที่ใครคนหนึ่งจะสงสัยว่า การถ่ายรูปนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตหรือแท้จริงแล้ว มันเป็นตัวขัดขวางการดำเนินชีวิตกันแน่
เมื่อเห็นพ่อแม่ถ่ายรูปลูกน้อยจนไม่เคยมองลูกน้อยจริงๆ
เมื่อดูคอนเสิร์ตแล้วคุณกังวลกับการบันทึกภาพให้คมชัดเพื่อที่ว่าเพื่อนทางบ้านจะรู้สึกเหมือนกับได้ไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน
เมื่ออาหารวางลงที่โต๊ะแล้ว คุณต้องจัดแจงให้อยู่ในมุมสวย กว่าจะตั้งกล้องแล้วลั่นชัตเตอร์ อาหารก็เย็นชืดเกินจะกิน
มีคนทำวิจัยแล้วพบว่า เมื่อคุณตั้งใจถ่ายรูป ก็คล้ายกับว่าคุณได้มองโลก มองประสบการณ์หรือกิจกรรมนั้นด้วยเลนส์ที่ต่างออกไป เมื่อคุณยกกล้องขึ้น คุณจะร่วมสัมผัสประสบการณ์นั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ เลือกสรรว่า สิ่งไหนที่คุณอยากเก็บไว้ สิ่งไหนที่สำคัญ ก่อนที่จะตัดสินใจกดชัตเตอร์ คุณต้องอยู่ในสถานะมีส่วนร่วมกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง คุณไม่จำเป็นต้องถ่ายรูปจริงๆ เพื่อจะได้รับประโยชน์จากส่วนนี้ ขอแค่ให้คุณถ่ายรูปในใจไว้ก็เพียงพอแล้ว
การถ่ายรูปจึงไม่ได้สำคัญด้วยตัวของมันเอง แต่การเลือกที่จะจดจำหรือไม่จดจำต่างหากที่สำคัญ
การถ่ายรูปของชาวบ้านอาจทำให้ใครบางคนรำคาญ แต่ไม่ได้ขัดขวางการดำเนินชีวิตของเขา
หากการดำเนินชีวิตของคนอื่นไม่ได้มารบกวนการดำเนินชีวิตของเรา แล้วเป็นกงการของใครที่จะบอกว่า อะไรควรหรือไม่ควรทำ
ใครควรดำเนินชีวิตอย่างไร ควรถ่ายรูปก่อนกินข้าวหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ในการมีความสุขของเขาคนนั้นเอง