#priwreadbooks วิธีคิดของคนค่าตัวแพง
#อมรินทร์HowTo คิตาโนะ ยุยหงะ เขียน กิษรา รัตนาภิรัต แปล
หนังสือที่บอกถึงวิธีการหางานที่ถูกใจ ที่จะหากินไปได้ตลอดชีวิต และทฤษฎีการย้ายงาน ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาความว้าวุ่นใจ โดยหนังสือเล่มนี้เป็นรูปแบบของเรื่องเล่าของตัวละครหนึ่งคนที่คิดจะลาออกจากงานที่ทำมาหลายปี เป็นบทสนทนาและให้ข้อคิดทั้งจากเพื่อนร่วมงานและที่ปรึกษา
ทลายกรอบความกลัวการลาออกด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงาน และค้นหาวิธีลาออกเป็นครั้งสุดท้าย เพื่องานใหม่ที่ทำให้มีกิน มีใช้ และมีความสุขตลอดชีวิต
การตัดสินใจอย่างมีความหมายมันต้องทิ้งบางอย่างด้วยเสมอ สาเหตุที่คนส่วนใหญ่กลัวการเปลี่ยนงาน ไม่ใช่เพราะว่าจะได้อะไรมา แต่เป็นเพราะต้องปล่อยบางอย่างให้หลุดมือเป็นครั้งแรกในชีวิตต่างหาก
เงินเดือนเกิดขึ้นได้ก็เพราะคุณขายตัวเองเป็นสินค้าให้บริษัท แล้วบริษัทก็ตกลงซื้อ สรุปแล้วการสร้างงานก็คือธุรกรรมอย่างหนึ่ง
เปิดตัวเองสู่ตลาดที่เติบโตก่อนงานหมด “อายุขัย”
การจะเข้าใจมูลค่าตลาดได้คุณต้องมองตัวเองเป็นสินค้าก่อน มูลค่าตลาดของเรากำหนดได้ด้วยปัจจัย 3 อย่างคือ สินทรัพย์ด้านทักษะ สินทรัพย์เรื่องคน ผลิตภัณฑ์ของสายงาน ลองถามตัวเองดูว่า
- ทักษะที่เรามีนั้นตลาดต้องการมากน้อยแค่ไหน
- ทักษะที่เรามีนั้นมีจากความเชี่ยวชาญพร้อมกับประสบการณ์แค่ไหน
- เรามีคอนเนกชั่นที่พร้อมจะเอาเข้าไปสร้างมูลค่ากับงานใหม่ด้วยหรือเปล่า
ตลาดงานมีวัฏจักรอยู่ 4 แบบ ตอนนี้ธุรกิจที่เราทำอยู่เป็นแบบไหน
1. งานเฉพาะกลุ่ม
2. งานในกระแส
3. งานทั่วไป
4. งานที่กำลังจะหายไป
3 หลักเกณฑ์ในการเลือกบริษัท
1. มูลค่าตลาดของบริษัทอยู่ในช่วงเพิ่มหรือไม่
2. สำรวจความคาดหวังของบริษัทจากเรา
3. เราสามารถใช้ความสามารถได้เต็มที่ไหมกับบริษัท
ถ้าเลือกงานผิด สิ่งที่ทุ่มเทสั่งสมประสบการณ์ไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญก็คือ การทำงานในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตช่วงนั้น ขอแค่มีประสบการณ์ในสายงานนั้นก็กลายเป็นสินทรัพย์ด้านทักษะที่เพิ่มมูลค่าตลาดให้กับตัวเราได้อย่างมหาศาล
เมื่อบริษัทเราและบริษัทคู่แข่งต่างก็สูญเสียกำไรในภาพรวม ก็พิสูจน์ได้ว่าตลาดกำลังหดตัว
คนที่ไม่มีมูลค่าตลาด ก็เหลือทางเลือกเดียวคือเกาะบริษัทไว้ให้แน่น
พอบริษัทหยุดเติบโตแล้วก็จะเริ่มมีเรื่องการเมืองภายในบริษัทและเรื่องซุบซิบนินทาทันที
มาตรฐานว่าเป็นบริษัทดี กับ มาตรฐานว่าดีต่อการเปลี่ยนงาน ไม่จำเป็นต้องตรงกันเสมอไป
เปลี่ยนความเชื่อที่ว่า “การเปลี่ยนงานเป็นเรื่องไม่ดี”
การเปลี่ยนงานเป็นเรื่องไม่ดี เป็นแค่ข้อแก้ตัวของคนที่ไม่ยอมลงทุนลงแรงให้ได้มาซึ่งทางเลือกใหม่ๆ คนเรามีสิทธิ์เลือกที่สำหรับตัวเอง การเปลี่ยนงานเป็นเรื่องดีทั้งสำหรับตัวคนนั้นเองและสังคมด้วย
ปัญหา 99% เกิดขึ้นจากการเอาวิธีการมาเป็นเป้าหมาย บริษัทไม่ได้มีไว้เพื่อให้คุณได้อยู่ในตำแหน่งไปเรื่อยๆ
การที่คนหนุ่มสาวมีความสามารถมากไม่ใช่สิ่งที่ใครจะควบคุมได้ หน้าที่ของหัวหน้าคือสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนจะได้ใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ คนที่รั้งอยู่ในบริษัทได้ด้วยวิธีการกำจัดคนอื่นออกไปไม่มีทางทำงานให้ดีได้หรอก
ถึงคุณจะไม่อยู่ บริษัทก็ยังเดินต่อได้
ถ้าคิดไม่ตกว่าจะเปลี่ยนงานหรืออยู่ที่เดิมดี ให้กลับไปทบทวนเป้าหมายในตอนแรก
ในระยะยาวมูลค่าตลาดกับเงินเดือนจะสอดคล้องกันแน่นอน ถ้าลังเลระหว่างบริษัทที่เงินเดือนสูงแต่อิ่มตัวแล้ว กับบริษัทที่ตอนนี้เงินเดือนต่ำแต่เพิ่มมูลค่าตลาดให้เราได้ในอนาคตให้เลือกอย่างหลังโดยไม่ต้องลังเล
ช่องว่างระหว่างมูลค่าตลาดกับเงินเดือน คือสิ่งที่ไม่มีใครบอกเราจนใกล้เกษียณ
การตัดสินใจ สมควรเกิดจาก คนซึ่งมีข้อมูลมากที่สุด และทุ่มเทมากที่สุด มันมีบางเรื่องที่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้
หางานที่อยากทำจากใจจริง
ยิ่งไม่รู้ว่าพนักงานจะอยู่กับบริษัทไปถึงเมื่อไหร่ บริษัทก็ยิ่งกระตือรือร้นให้โอกาสพนักงานได้เติบโต มันอาจฟังดูขัดแย้งกัน แต่สภาพแวดล้อมการทำงานแบบนี้ดึงดูดบุคลากรดีๆ เข้ามา แล้วผลลัพธ์ก็คือ อัตราการลาออกต่ำลง
บริษัทซึ่งมีพนักงานที่จะเปลี่ยนงานเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไม่ยอมเปลี่ยน คือบริษัทที่ดีเยี่ยม
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องแสวงหาความหมายของการทำงาน ดังนั้น อย่าเอาเรื่องความหมายของงานไปกดดันคนอื่น
คนส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งที่อยากทำจริงๆ การมีสิ่งที่ชอบเป็นเรื่องวิเศษ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ เพราะยังไงก็จะได้เจอสิ่งที่พอจะอยากทำแน่นอน
การจะสนุกกับงานได้ต้องมีเงื่อนไขจำเป็นคือ การมีมูลค่าตลาดไม่มากก็น้อย และความสมดุลกันระหว่างความสามารถซึ่งเป็นที่ต้องการกับมูลค่าตลาด
การเปลี่ยนงานไม่ใช่แค่การเปลี่ยนที่อยู่บนนามบัตรหรือเปลี่ยนเงินเดือน แต่มันเป็นการสร้างโอกาสต่อไปให้คนในโลก ต่อให้ตอนนี้ไม่อาจใช้ความสามารถในบริษัทได้เต็มที่ แต่จริงๆ แล้วมีคนเยอะเลยที่มีความสามารถที่จะได้ดีในที่อื่น
พาตัวเองไปอยู่ในตลาดที่กำลังเติบโต แล้วก็เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้
สิ่งที่ฉุดรั้งการเปลี่ยนงานไม่ใช่เพราะมีอันตราย แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะความกลัว
จะเลือกผิดทางหรือเปล่าไม่อาจรู้ได้ล่วงหน้า แต่ปัจจัยเดียวที่จะนำไปสู่ความผิดพลาดก็คือ การตัดสินใจไม่ได้ในเวลาที่ควรต้องตัดสินใจ
การเปลี่ยนงานเป็นเรื่องปกติธรรมดา และเป็นเรื่องปกติมากสำหรับคนที่มีความสามารถที่จะย้ายไปทำงานที่ที่ดีกว่า เหมาะสมกว่าเสมอ ดังนั้น อย่าลืมพัฒนาตัวเองด้วยการตั้งเป้าหมายและความท้าทายอยู่เรื่อยๆ
ขอบคุณพี่หนุ่มที่ให้ยืมมาอ่านค่ะ