#priwreadbooks หันมาทางนี้เถอะนะ โมโมเสะ

Parima Spd
1 min readMay 18, 2019

#SundayAfternoon เออิจิ นาคาตะ เขียน ปิยะวรรณ ทรัพย์สำรวม แปล

หนังสือรวม 4 เรื่องสั้นหวานขม สั่นความรู้สึกของวัยแรกรุ่น การเล่นละครตบตา ความไร้เดียงสา ปั่นป่วนว้าวุ่น ทำให้ต้องย้อนกลับไปสำรวจเบื้องลึกของจิตใจในสิ่งที่อาจเรียกได้ว่ารัก

ประกอบไปด้วย 4 เรื่องสั้นคือ หันมาทางนี้เถอะนะโมโมเสะ ระลอกคลื่นริมฝั่ง เสียงของเขาในไร่กะหล่ำปลี การก้าวผ่านของโคอุเมะ

เรื่องแรกเป็นเรื่องที่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ต้องไปแกล้งเป็นแฟนกับผู้หญิงคนนึงที่กำลังคบกับพี่ชายข้างบ้าน ซึ่งพี่ชายข้างบ้านเองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่ สุดท้ายพี่ชายก็เลือกคบแฟนที่เป็นตัวเป็นตนนั่นเอง ความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างแกล้งเป็นแฟนกันก่อกำเนิดขึ้น แต่ก็ดูเหมือนจะถูกจบลงโดยที่ ไม่เคยบอกออกไป

“พี่ไม่ใช่เทพเจ้า ไม่จำเป็นต้องทำตามที่บอก แค่ใช้นายก็เท่านั้น พี่ไม่ได้เป็นมนุษย์ที่ดีขนาดนั้น”

หลังจากเลิกเล่นละคร ผมกับโมโมเสะก็เป็นเพื่อนกัน ยังคุยกันที่ดาดฟ้าโรงเรียน ยังสูดอุด้งด้วยกันในโรงอาหาร เธอเริ่มสนิทกับทานาเบะด้วย บางทีเราก็ทำกิจกรรมด้วยกัน 3 คน ผมมีความรู้สึกดีกับเธอ แต่ก็กังวลว่าหลอดไฟที่เป็นแสงริบหรี่อย่างผมจะทำอะไรได้ เลยลังเลที่จะพูดความในใจออกไป หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เรียบร้อย วันหนึ่งผมต้องขึ้นชินคันเซ็นไปโตเกียว เธอมาส่งผมถึงชานชาลาสถานี ผมสารภาพกับเธอที่ชานชาลาว่า แอบรักมาตลอด แต่เธอก็โมโหขึ้นมาว่า ทำไมถึงพูดเรื่องแบบนี้เอาตอนนี้ แล้วหันมองไปทางอื่น “หันมาทางนี้เถอะนะโมโมเสะ” เมื่อพยายามพูดกับเธออย่างประหม่า เธอก็หันกลับมามองผมด้วยสายตาของแมวจรจัด

ชีวิตที่รุ่นพี่มิยาซากิเลือก ถ้าเขาไม่ได้เลือกรุ่นพี่โคบายาชิ แต่เป็นโมโมเสะ ก็คงไม่มีความช่วยเหลือจากครอบครัวนั้นกับอาชีพที่เกิดขึ้น ในคืนนั้นเขาคงต้องเลือกของสำคัญสองสิ่งให้เหลือทางใดทางหนึ่ง

ผมกลับโมโมเสะเลิกเล่นละครได้ในวันนั้น แต่รุ่นพี่มิยาซากิ คงยังต้องเล่นละครต่อมาจนถึงทุกวันนี้

เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เพิ่งขึ้นชั้น ม.ปลาย รับหน้าที่เป็นครูพิเศษสอนเด็กประถมปลายข้างบ้าน เด็กที่แทบไม่เชื่อฟังเธอเอาเสียเลย จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เธอลงไปในทะเลเพื่อช่วยเด็กชายคนนั้น และกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานอนบนเตียงเป็นระยะเวลา 5 ปีก่อนจะฟื้นกลับมาอีกครั้งเพื่อพบว่าเด็กชายคนนั้นอายุ 17 ปีส่วนเธอที่อายุ 20 กว่ากลับรู้สึกเหมือนเด็ก 16 เท่านั้นเอง

ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองยังจมอยู่ตรงนั้น อาจเป็นเพราะ ฉันรู้สึกแปลกแยกกับสังคม ยังไม่คุ้นเคยกับโลก ฉันทำกายภาพบำบัดไปพร้อมๆ กับค้นข้อมูลความเป็นไปของ 5 ปีที่ผ่านมา เติมเต็มประวัติศาสตร์ที่ไม่รู้จัก ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้สมบูรณ์ เหมือนยังมีอาการอัมพฤกษ์หลงเหลืออยู่บนขาข้างหนึ่ง

ที่ฉันพยายามไม่ไปสาย ไม่ขาดเรียนเพราะกลัวเรียนไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่ได้เข้าเรียนแม้แต่ชั่วโมงเดียว ฉันกังวลว่าอาจารย์และเพื่อนร่วมห้องอาจจะเปิดหนังสือเรียนหน้าต่อไปแล้วปล่อยให้ฉันรั้งท้าย ตอนนี้ฉันอยู่ในสภาพแบบนั้นเต็มตัว ทั้งพี่สาวทั้งเพื่อนทั้งประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ต่างเคลื่อนที่ไปข้างหน้ากันหมดแล้ว

“แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ตายใช่ไหม นายไม่ได้ฆ่าใครสักหน่อย”

“แต่ก็อาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยก็ได้ อาจจะกลายเป็นคุณยายไปทั้งสภาพนั้น แล้วก็ตายไป ถึงเป็นแบบนั้นผมก็ยังจะไปที่บ้านทุกวัน ตั้งใจจะอยู่ด้วยกันจนถึงวาระสุดท้าย ผมรู้สึกผิดบาปแล้วปวดใจ แต่ว่าผมรู้ว่ามีความรู้สึกที่ต่างไปจากนั้นอัดแน่นอยู่ในใจมากกว่า อย่างกับถูกทรมานเลย ความรู้สึกนั้นมันทำให้ทรมานเหมือนหายใจไม่ออก ทั้งเศร้า ทั้งเจ็บปวด ผมก็เลยไปนั่งข้างๆ เพื่อเรียกชื่อคุณทุกวัน ผมฟังเสียงคลื่นในห้องเงียบๆ แล้วเรียกชื่อนั้นออกมา ถ้าฟื้นขึ้นมาจากห้วงนิทราเมื่อไหร่ ผมตั้งใจจะขอโทษครับครู ขอโทษที่ทดสอบบ้าบอทั้งที่ไม่ต้องทำแบบนั้นก็น่าจะรู้ตัว”

เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ถอดเทปออกมาเป็นบทความ ได้บังเอิญรู้จักกับนักเขียนชื่อดัง ที่เธอคิดว่าเป็นอาจารย์สอนในชั้นเรียนภาษาญี่ปุ่นของเธอ แต่สุดท้ายแล้วก็ได้รู้ความลับว่า นักเขียนชื่อดังคือน้องสาวของคุณครูต่างหาก

“ดีใจที่ได้คุยกับเธอนะ ถ้าเธอไม่รู้เรื่องนี้ ฉันจะต้องหลอกลวงไปจนถึงเมื่อไหร่ คิดอยู่เหมือนกันว่ามันต้องจบเข้าสักวัน น้องเขาจะแต่งงานแล้วจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้”

“พอไม่มีงานถอดเทปของเซจิ คิตากาวะแล้วเหงาเลยค่ะ”

นี่เป็นครั้งแรกที่พูดเรื่องถอดเทปกับอาจารย์ ก่อนหน้านี้ไม่นานคอลัมน์ของเซจิ คิตากาวะสิ้นสุดลง เหตุผลที่เลิกเขียนคอลัมน์เพราะอาจารย์ กับคุณคานาโกะจะออกมาเปิดเผยเร็วๆ นี้ว่าตัวจริงของเซจิ คิตากาวะ เป็นอีกคน

เจ้ากะหล่ำปลีที่ฉันเปิดหน้าต่างออกไปมองเป็นครั้งคราวระหว่างถอดเทปตอนแรกเป็นเพียงต้นอ่อนเล็กจิ๋ว แล้วก็อวบอ้วนขึ้นตามลำดับ เติบใหญ่จนกลายเป็นลูกบอลทรงกลม ต่างเบียดเสียดกันและกัน รอคอยว่าสักวันจะถูกพาออกจากที่นี่ไปยังที่อื่น ใกล้ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว เจ้าผีเสื้อหนอนกะหล่ำจะต้องบินว่อนบนกะหล่ำปลีอย่างแน่นอน

เด็กสาว ม.ปลายที่มีโครงหน้าสวยงาม แต่กลับแต่งหน้าบดบังตัวเองให้ออกมาน่าเกลียด ทำตัวเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในห้องเรียน เธอมีเบื้องหลังฝังใจ หน้าตาที่สวยน่ารักของเธอทำให้เธอได้เป็นนางแบบ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้สิทธิพิเศษจากผู้ชายรอบตัว เพื่อนสนิท ม.ต้น ที่เคยคิดว่าสนิทกับเธอก็หักหลังความเชื่อใจของเธอเสียหมด เธอจึงปลอมตัวเป็นอีกคนที่ไม่น่าดึงดูดใจอะไร เพื่อจะได้เห็นธาตุแท้ของคน

ใบหน้าสินะ สิ่งที่ทำให้กลายเป็นเป้าสายตาคือดวงตาใช่ไหม หรือว่าเป็นเพราะดั้งจมูก หรือจะเป็นเพราะริมฝีปากกันแน่ ฉันมีทั้งส่วนที่คล้ายแม่และบางส่วนที่รับมาจากพ่อ ตอนก้าวเท้าเข้าไปในโมเดลลิ่งนางแบบครั้งแรก คนที่ทำงานอยู่ต่างหันมามองฉันชั่วขณะ ตอนที่เดินขึ้นรถไฟก็เหมือนกัน คนรอบข้างจ้องมองด้วยสีหน้าตกใจ พอปกปิดหน้าจริงด้วยการแต่งหน้า ก็ไม่ถูกใครจ้องมองทำให้สบายใจ ปฏิกิริยาของพวกผู้ชายเปลี่ยนไปอย่างประหลาด พนักงานผู้ชายหลายร้านทำท่าเย็นชาใส่ เลยรู้ตัวว่าก่อนหน้านี้ฉันได้รับสิทธิพิเศษจากรูปร่างหน้าตาภายนอก

“ทุกคนซ่อนความจริงใจต่อหน้าเธอทั้งนั้น ไม่มีใครชอบเธอหรอก คนที่เข้ามาใกล้ เขาแค่ชอบหน้าเธอ ไม่ได้สนใจตัวตนของเธอสักนิดเดียว” เพื่อนสนิทบอกตอนที่ฉันกำลังจะย้ายบ้าน คำของเธอกลายเป็นคำที่ผูกมัดชีวิตฉันเรื่อยมา

“เรารู้อยู่แล้วนะเรื่องแต่งหน้า ก็ตั้งแต่ต้นเลยมั้ง ลองมองดีๆ นะ ยูซูกิสวยมากเลยนะ เราเคยคุยกันสองคน ที่ไปห้องน้ำบ่อยๆ คงจะไปเติมเครื่องสําอางสินะ แก้มก็ดูแปลกๆยัดเอาอะไรเอาไว้ใช่ไหม เธอคงมีเหตุผลส่วนตัวที่ต้องใช้ชีวิตโดยปิดบังหน้าที่แท้จริงคงไม่อยากถูกถามถึงเรื่องนั้น แกล้งทำเป็นไม่รู้กันดีกว่า” ทั้งสองคนเล่าว่าคุยกันแล้วตกลงเก็บเป็นความลับไว้ พวกเธอรู้เรื่องทั้งหมดแต่ก็ยังคบกับฉัน พวกเธอรอให้ฉันเป็นฝ่ายเริ่มพูดความจริงออกมาเอง

“ต่อจากนี้จะยังเป็นเพื่อนกันใช่ไหม” “มันแน่อยู่แล้ว”

“แน่นอนว่ายัยนั่นไม่ได้สวยเพียบพร้อมแบบโคอุเมะ แต่ไม่รู้ว่าทำไม รู้สึกว่าคุยกันได้อย่างเปิดเผย แล้วก็ยังมีเรื่องวันนี้อีก เพราะเขาติดต่อเธอ ก็เลยช่วยเราไว้ได้ ยูซูกิช่างมีน้ำใจ ขนาดเรื่องเรียนของเราที่อาจารย์ละเลยนั้นก็ยังมาช่วยทำ เหมือนว่ารำคาญแต่ก็นั่งอยู่ข้างเราตลอด”

--

--

Parima Spd
Parima Spd

Written by Parima Spd

I enjoy reading and writing. Continue to learn and try new things to improve. Before you die, explore this world.

No responses yet