#priwreadbooks ฮาจิโกะ HACHIKO
#Piccolo Lluís Prats เขียน รัศมี กฤษณมิษ แปล
ตำนานสุนัขผู้ซื่อสัตย์พันธ์ุอะคิตะ พันธุ์ที่ว่ากันว่าเป็นสุนัขของซามูไรซึ่งหมายถึง ‘ความหนักแน่นมั่นคง’ มิตรภาพระหว่างศาสตราจารย์เอซาบูโร อูเอโนะ และฮาจิโกะ สุนัขที่เขารับมาเลี้ยง
“ฮาจิโกะหรือคะ”
ยาเอโกะผู้เป็นภรรยาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และเอ่ยแย้งในทันใด “ทำไมต้องชื่อฮาจิโกะด้วย คุณไปเอาชื่อนี้มาจากไหน”
“แล้วมันแปลว่าอะไรคะ” ชิซูโกะถามพ่อ
“พวกเธอไม่เห็นขามันหรือ” ศาสตราจารย์อุทาน “ขามันงอเหมือนเลขแปดเลยนะ”
ผู้หญิงทั้งสองคนเงียบกริบและไม่พูดอะไรต่อ ศาสตราจารย์เอซาบูโรจึงสรุปอย่างพึงพอใจว่า “ตกลงตามนี้แล้วกัน”
คืนนั้นศาสตราจารย์ไม่ยอมเข้านอน เขาเฝ้ามองจนกระทั่งได้ยินเสียงฮาจิโกะหายใจสม่ำเสมอและพออกพอใจ หลังจากได้ดื่มนมอุ่นๆ อีกชามแล้ว ด้วยความหวังว่าในเช้าวันรุ่งขึ้น มันจะปลุกทุกคนด้วยเสียงเห่าอย่างร่าเริงและความหิวโหย
เลข 8 ในภาษาญี่ปุ่นคือ はち (ฮาจิ) เป็นเลขมงคลของชาวญี่ปุ่นที่บ่งบอกถึงความสมบูรณ์และความเป็นนิรันดร์
มิตรภาพระหว่างเขากับฮาจิโกะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นความผูกพัน ทุกวันฮาจิโกะจะเดินไปส่งศาสตราจารย์ที่สถานีรถไฟ ตกเย็นก็จะมารอรับเขากลับบ้านตรงเวลาไม่เคยขาด ทว่ากิจวัตรประจำวันของทั้งสองกลับมีเหตุต้องเปลี่ยนแปลงไปในวันหนึ่ง เพราะศาสตราจารย์ไม่กลับมาอีกแล้ว
ถึงกระนั้นฮาจิโกะก็รอคอยเขาในเวลาเดิมทุกวันที่จัตุรัส เพื่อรอเขาลงมาจากรถไฟ ฮาจิโกะผู้ไม่รู้ว่าการจากลาคืออะไร ยังคงมุ่งหน้าไปรอคอยคนสำคัญ คนที่มีความหมายต่อการมีชีวิต
ไม่ว่าจะโดนส่งไปที่ไหน ก็จะหาทางกลับมาที่นี่จนได้
ถึงแม้ว่าศาสตราจารย์จะไม่อยู่แล้ว และภรรยากับลูกสาวของเขาก็ไปอยู่ที่เมืองอื่น ฮาจิโกะก็ได้ผู้คนแถวนั้นช่วยเลี้ยงดู โยนขนมโยนอาหารที่เหลือให้ มีเจ้าหน้าที่จะมาจับสุนัขจรจัดไป คนแถวนั้นก็ร่วมกันปกป้อง บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของฮาจิโกะ และมันก็ได้ปลอกคออันใหม่ที่สลักชื่อว่า สมบัติของศาสตราจารย์อูเอโนะและสถานีรถไฟชิบูย่า
ประติมากรแถวนั้นทำรูปปั้นให้ฮาจิโกะและได้ทำพิธีเปิดในปี 1934 ฮาจิโกะเข้าร่วมพิธีด้วย
แม้ฮาจิโกะจะพบความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกๆ วัน แต่ก็ไม่ล้มเลิก มันใช้เวลารอคอยราว 10 ปี จนถึงวาระสุดท้ายของลมหายใจ และจากโลกนี้ไปในวันที่ 8 มีนาคม ปี 1935 ด้วยโรคนอนพยาธิหัวใจ ขณะคอยศาสตราจารย์อยู่ที่จัตุรัสนี้เอง
รูปปั้นของฮาจิโกะถูกนำไปหลอมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเมื่อสิ้นสงครามก็มีการปั้นขึ้นอีกรูปหนึ่ง ทุกวันที่ 8 มีนาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของฮาจิโกะ จะมีพิธีแสดงการไว้อาลัยที่จัตุรัสชิบูย่า และจะมีดอกไม้วางรายล้อมรูปปั้นอยู่เต็มไปหมด
ร่างฮาจิโกะถูกสตัฟฟ์ไว้ เราจะพบฮาจิโกะได้ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาแห่งชาติกรุงโตเกียว โดยมีชิ้นส่วนร่างกายส่วนหนึ่งของมันถูกฝังไว้กับหลุมศพของศาสตราจารย์ที่สุสานอาโอยามะ
การรอคอย อาจมีความหมายสำหรับใครบางคนมากกว่าที่คุณคิด
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันจางหาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ขอบคุณหงส์ที่ให้ยืมมาอ่านจ้า