#priwreadbooks แสงดาวฝั่งทะเล
#ลูกองุ่น กิ่งฉัตร เขียน
วริษาหรือฝน กำพร้าแม่ตั้งแต่เกิดและเติบโตมากับยาย จนกระทั่งยายมาเสียชีวิตไปอีกคนตอนเธออายุ 13 ปี วริษาจึงมาอยู่กับพ่อที่แต่งงานมีครอบครัวใหม่ มีลูกใหม่ พ่อและเธอห่างเหินกันมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก หญิงสาวจึงเข้ากับพ่อและครอบครัวใหม่ไม่ค่อยได้ ทุกครั้งที่อยู่พร้อมหน้าเธอจึงรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินของที่บ้าน
หลังจากเรียนจบปริญญาตรี วริษาเข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ทำให้เธอได้เจอกับ สาธิน หนุ่มใหญ่ที่ยังดูดีอยู่มากแม้จะอยู่ในวัย 40 กว่าแล้วก็ตาม สาธินแต่งงานกับดุจเดือนและมีลูกสาวหนึ่งคนคือดาวนภา เนื่องจากสาธินเป็นหัวหน้าและค่อนข้างสนิทสนมกับวริษา สาธินจึงมักเอาปัญหาที่บ้านมาเล่าให้วริษาฟัง เรื่องที่เขารู้สึกเหมือนถูกกดให้ต่ำกว่าภรรยาที่มีฐานะร่ำรวยกว่า ทั้งยังโดนกีดกันจากครอบครัวของภรรยาโดยเฉพาะ ภวัต หลานชายของดุจเดือน เธอรู้สึกสงสารและตั้งแง่รังเกียจผู้ชายชื่อภวัตตั้งแต่ยังไม่เจอหน้า ด้วยความอ่อนต่อโลกทำให้วริษาเชื่อใจในตัวสาธินจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเธอโดนสาธินหลอกมาปลุกปล้ำ แต่ดุจเดือนเข้ามาเห็น ดุจเดือนกล่าวหาว่าวริษาเป็นเมียน้อยของสามีเธอ โดยที่วริษาไม่มีโอกาสได้อธิบายความจริง วริษาอับอายจึงรีบออกจากห้อง แต่ดันไปเจอกับภวัตเข้าพอดี ชายหนุ่มมองวริษาด้วยความรังเกียจและไล่ให้เธออกไปให้พ้น
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นวริษาถูกไล่ออกจากงาน เพื่อนร่วมงานต่างเอาเธอไปซุบซิบนินทาอย่างสนุกปาก เรื่องเลวร้ายยังไม่จบเมื่อสาธินขับรถพาดุจเดือนและดาวนภาไปประสบอุบัติเหตุ ทำให้สาธินเสียชีวิต และดาวนภาต้องกลายเป็นคนพิการ สาเหตุมาจากสองสามีภรรยาทะเลากันเรื่องที่สาธินแอบไปมีเมียน้อย
วริษายิ่งเสียใจหนักขึ้นไปอีก เธอไปงานศพของสาธิน แต่ไม่ทันได้เข้างานก็ถูกภวัตขับไล่ออกมา วริษาถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยและเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของสาธินต้องประสบเคราะห์กรรมร้ายแรง โดยที่ไม่มีใครฟังคำอธิบายจากปากเธอเลยซักคน ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อแท้ๆ ของเธอเอง ทนไม่ได้ที่ลูกสาวสร้างความเสื่อมเสียให้กับครอบครัว ถึงกับต้องส่งตัววริษาไปเรียนต่อยังต่างประเทศเพื่อหลบหน้าผู้คน
วริษาจากเมืองไทยมาด้วยความบอบช้ำ หญิงสาวมาอยู่ที่ซานฟรานซิสโกเพื่อศึกษาต่อปริญญาโทด้านกราฟฟิกดีไซน์ที่มหาลัยแห่งหนึ่ง ชีวิตในต่างแดนของวริษาค่อนข้างลำบาก เธอต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เนื่องจากเงินที่พ่อส่งมาให้แต่ละเดือนแทบไม่พอใช้ ไปทำงานที่ร้านวังไทย เจ้าของร้านก็มักเบี้ยวค่าแรง
วันหนึ่งวริษาได้คุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิท อิชยา ที่อาศัยอยู่กับสามี วนัท ที่ซีแอทเทิล อิชยาเป็นเพียงคนเดียวที่เชื่อมั่นในตัววริษาว่าเธอไม่มีทางทำตัวเป็นเมียน้อยของใคร อิชยาอยากให้เพื่อนได้มาเที่ยวเปิดหูเปิดตาช่วงปีใหม่ จึงชักชวนวริษาให้มาเที่ยวที่ซีแอทเทิล โดยมีเพื่อนของวนัทที่มาจากเบริกเลย์ร่วมทางมาด้วย ตอนแรกเธอสองจิตสองใจเนื่องจากไม่ค่อยมีเงิน แต่สุดท้ายวริษาก็ตัดสินใจขึ้นรถไฟสายแสงดาวฝั่งทะเล (Coast Starlight) เพื่อเดินทางไปยังซีแอทเทิลตามคำชวนของเพื่อน วริษาไม่รู้เลยว่ารถไฟสายนี้จะนำเธอไปพบกับเพื่อนของวนัทที่มาจากเบริกเลย์ซึ่งก็คือภวัตนั่นเอง
ทุกครั้งที่เจอหน้ากันภวัตไม่พลาดที่จะพูดจากระแนะกระแหนวริษาให้รู้สึกเจ็บช้ำไปเสียทุกครั้ง วริษาพยายามตอบโต้แต่ก็ไม่เป็นผล บางครั้งหนักเข้าวริษาก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้กับคำพูดเหยีดหยามจากภวัต วริษาได้แต่อดทนเมื่อคิดถึงว่าตลอดครึ่งเดือนนับจากนี้ ทั้งเขาและเธอต่างก็หนีกันไม่พ้นเมื่อต้องร่วมทริปเดินทางไปด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อไปถึงซีแอทเทิลทั้งคู่ต้องไปพักที่บ้านของอิชยากับวนัท วริษากับภวัตไม่อยากให้เพื่อนไม่สบายใจจึงแสร้งทำเป็นดีต่อกัน อิชยากับวนัทต่างก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางระหว่างทั้งคู่จึงคิดว่าทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันบนรถไฟ อิชยาจึงอยากให้คู่นี้ลงเอยกัน
ตลอดเวลาที่อยู่ซีแอทเทิลภวัตมักหาโอกาสพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามวริษาให้รู้สึกเจ็บปวด เหมือนที่ดุจเดือน อาของเขาต้องเจ็บปวดจากการกระทำของวริษา วริษาเพียรพยามยามจะอธิบายเท่าไหร่ภวัตไม่เคยเปิดใจฟัง หลายครั้งเข้าหญิงสาวก็ถอดใจ รู้ว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์จึงคอยหาทางเลี่ยงทุกครั้ง แต่เป็นภวัตเองที่เอาตัวไปใกล้ชิดหญิงสาวที่ปากบอกว่าเกลียดอยู่ตลอดเวลา
ระหว่างนั้นสองสามีภรรยารู้สึกได้ว่าระหว่างภวัตกับวริษาต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ไม่กล้าถาม ได้ต้องคอยสังเกตอยู่ห่างๆ ตลอดเวลาที่ได้อยู่ใกล้วริษาภวัตรู้สึกว่าหญิงสาวไม่ได้เลวร้ายเหมือนอย่างที่เขารับรู้มา อคติที่มีต่อตัวหญิงสาวจึงค่อยๆ ลดลงไป
จากซีแอทเทิลทั้งสี่เดินทางต่อไปยังแคนาดาเพื่อไปพบกับ รสนา เพื่อนสนิทของภวัต รสนาเกาะติดภวัตแจ แต่ภวัตก็มักจะอยู่ใกล้ๆ วริษาตลอดเช่นกัน ทำให้รสนาไม่ชอบหน้าวริษา หาเรื่องเหน็บแนมไปเสียทุกครั้ง หนำซ้ำรสนายังทำอะไรตามใจตัวเอง พลอยทำให้คนอื่นเอือมระอา ทั้งสี่คนจึงตัดสินใจกลับซีแอทเทิล โดยรสนาขอตามไปเที่ยวด้วยในวันหลัง
เมื่อกลับไปซีแอทเทิล วนัทกับอิชยาต้องไปงานเลี้ยงจึงไม่มีเวลาพาวริษากับภวัตไปเที่ยว จึงปล่อยให้สองคนไปเที่ยวกันเอง วริษาหวาดกลัวที่จะไปเที่ยวกับเขาตามลำพัง เพราะเขาเองก็ยังพูดจาทำร้ายจิตใจเธอไม่เลิกรา จนกระทั่งวริษาเครียดจนโรคกระเพาะกำเริบ ล้มลงแทบเท้าภวัต เขาตกใจจะรีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาล แต่วริษาไม่ยอมไปท่าเดียว เพราะเธอไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ภวัตจะออกให้หญิงสาวก็ไม่ยอมท่าเดียว เพราะไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร ภวัตดูแลให้วริษากินยานอนพักเพื่อบรรเทาอาการอยู่บนรถ
ระหว่างนั้นเขาก็คิดทบทวนเรื่องของวริษา ภวัตสัมผัสได้ว่าเธอไม่ได้ดูสุขสบายอะไรเลย ทั้งๆ ที่รู้มาจากดุจเดือนว่า อาเขยของเขายักยอกเงินบริษัทมาปรนเปรอเธอตั้งหลายล้านบาท ภวัตอยากให้หญิงสาวเจ็บปวดเหมือนกับที่ครอบครัวอาสาวของเขาประสบมา แต่ก็ต้องโมโหตัวเองเมื่อพบว่าเขาชอบวริษาตั้งแต่เจอกันที่หน้าห้องวันนั้น วันที่ดุจเดือนไปเจอสามีตัวเองอยู่ด้วยกันกับเมียน้อยวริษา ภวัตอยากเชื่อใจในความบริสุทธิ์ของวริษา แต่นั่นเท่ากับว่าอาสาวของเขาเป็นคนโกหกเรื่องทั้งหมด
หลังจากอาการทุเลาลงภวัตก็ปฏิบัติตัวต่อวริษาดีขึ้นแต่ก็ห่างเหินขึ้นเช่นกัน รสนาเดินทางมาจากแวนคูเวอร์มาเที่ยวและพักที่บ้านของสองสามีภรรยาที่ซีแอทเทิล รสนายังคงทำตัวเหมือนตัวเองเป็นศูนย์กลางและเอาแต่ใจตัวเองอยู่เหมือนเดิม สร้างความเบื่อหน่ายให้กับคนอื่นเป็นอย่างมาก เรื่องยิ่งวุ่นมากขึ้นไปอีกเมื่อรสนาที่เหม็นขี้หน้าวริษา เมื่ออยู่ตามลำพังสองคน หลังจากที่เธอดื่มเข้าไปจำนวนมาก รสนาจึงหาเรื่องทำวริษาบาดเจ็บปัดเทียนใส่ โดนไฟลวก แต่วริษากลับบอกคนอื่นว่าเป็นอุบัติเหตุ ภวัตเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นพอดีจึงเอ่ยปากให้รสนากลับไปแคนาดา
เมื่อรสนากลับไปทุกอย่างก็ดีขึ้นโดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างภวัตกับวริษา ภวัตไม่อยากหลอกตัวเองอีกแล้วจึงบอกรักวริษา แต่จะให้เชื่อว่าหญิงสาวไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาธินเขาทำไม่ได้ จึงขอร้องให้เธอกับเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดการเดินทางที่เหลือ ถึงแม้จะเจ็บปวดแต่วริษาก็อดไม่ได้ที่จะตอบรับเพราะเธอเองก็มีใจให้ภวัตเช่นเดียวกัน
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็เป็นไปด้วยดี ภวัตและวริษาต่างใช้เวลาอยู่ด้วยกัน พูดคุยกันเป็นอย่างดีเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน เพื่อเก็บวันเวลาเหล่านี้เอาไว้ในความทรงจำเมื่อต้องจากกัน เพราะเส้นทางระหว่างเธอกับเขาไม่อาจบรรจบกันได้ ภวัตไม่อาจสานสัมพันธ์กับหญิงสาวที่สร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของดุจเดือน วริษาที่ถึงแม้จะรักภวัตแต่ก็รู้ตัวว่ารักนี้ไม่อาจสานต่อ จึงขอให้มันจบลงที่แสงดาวฝั่งทะเลจุดเริ่มต้นที่นำทั้งสองมาเจอกัน
แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ทั้งสองต้องขึ้นรถไฟสายแสงดาวฝั่งทะเลอีกครั้งเพื่อปิดฉากความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้นของเขาและเธอ
รถไฟขบวน ‘แสงดาวฝั่งทะเล’ กำลังแล่นผ่านหุบเขาน้อยใหญ่
นอกหน้าต่างออกไปมืดสนิท ส่งให้ดวงดาวที่เกลื่อนอยู่เต็มท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มจัด…
ทอแสงกระจ่าง อวดแสงแพรวพราวได้อย่างเต็มที่
ชายหนุ่มอุทิศบ่ากว้างให้หล่อนอิง…พักชมดาว
ปลายนิ้วเรียวยาวสอดประสานกับนิ้วมือที่เล็กบางกว่าไว้หลวมๆ
หญิงสาวถอนใจยาวเบาแสนเบา เอ่ยโดยไม่ถอนสายตาจากดวงดาวเบื้องบนว่า
“ชีวิตคนเรานี่แปลกนะคะ ผ่านมาตั้งสองปี…ฉันไม่นึกเลยว่าจะได้เจอคุณอีก…บนรถไฟสายนี้”
“ฉันก็เหมือนกัน เจอหน้าเธอเหมือนถูกน็อก ตั้งตัวไม่ติดเลย” ภวัตตอบ
แนบแก้มกับเรือนผมนุ่มอย่างอ่อนโยน
“นั่นขนาดตั้งตัวไม่ติดนะคะ คุณยังว่าฉันได้เจ็บแสบไม่มีใครเหมือน”
“ลืมเสียไม่ได้หรือ” น้ำเสียงมีแววเว้าวอน
“ลืมไม่ได้หรอกค่ะ” รอยยิ้มมุมปากราวกับจะล้อ
ดวงตาสุกใสราวจะแข่งกับแสงดาว บ่งให้รู้ว่าไม่เหลือความโกรธเคืองใดๆ
“ฉันอยากจะจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในการเดินทางครั้งนี้ โดยเฉพาะบนรถไฟขบวนนี้ จำในหัวใจ…ตลอดชีวิตของฉัน”
หลังจากแยกทางกันทั้งคู่ยังคงคิดถึงกันอยู่เสมอ ภวัตเป็นฝ่ายทนไม่ได้จึงไปหาวริษาที่ซานฟรานฯ แต่ก็มีเรื่องให้ผิดใจกัน ครั้งนี้ภวัตยอมเชื่อใจหญิงสาวและต้องการพิสูจน์ความจริง เรื่องราวในอดีตของวริษาหญิงสาวที่เขารักกับดุจเดือนอาสาวที่เปรียบเหมือนแม่คนที่สองของเขา ภวัตจึงพาวริษาไปพบกับดุจเดือน ที่เดินทางมาพร้อมกับลูกสาวเพื่อมารักษาตัว เมื่อดุจเดือนได้เจอกับวริษาก็ตกใจมาก แต่สุดท้ายเมื่อภวัตเค้นหนักขึ้นดุจเดือนก็ยอมเปิดปากเล่าความจริงทุกอย่าง และพบว่าวริษาเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ
สรุปเนื้อหาของเรื่องก็คือ ความเห็นแก่ตัวของคนกลุ่มหนึ่ง คิดแก้แต่ปัญหาตัวเอง อยากมีอยากได้ไม่สิ้นสุด ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ จนทำให้อีกคนหนึ่งต้องรับโทษที่ตัวเองไม่ได้ก่ออย่างแสนสาหัส ชีวิตบัดซบรันทดจัดๆ
แต่ อ่านแล้วอยากไปนั่งรถไฟเที่ยว ขับรถเที่ยวที่อเมริกากับแคนาดาเลย 555
//ยืม ebook จาก TKRead