ชีวิต 7 เดือนในสภาวะ Covid-19 ที่งาน Techsauce Global Summit 2020: Special Edition ต้องคงอยู่ #TSGS2020

Parima Spd
5 min readOct 13, 2020

--

การเอาตัวรอดในสภาวะวิกฤตที่ Covid-19 เข้ามาที่ประเทศไทยและทั่วโลกตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าจะส่งผลกระทบยาวนานกับธุรกิจมาจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกินครึ่งปีที่พวกเราทำงานกันด้วยการ WFH เป็นหลัก เป็นความแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย แต่พอปรับตัวได้ การทำงานอยู่ที่บ้านสำหรับคน Introvert อย่างเรา ก็ดูเหมือนไม่ได้มีอะไรแย่เกินไปนัก ตื่นมาก็ทำงานได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางอย่างน้อย 2–3 ชั่วโมงต่อวัน ยกเว้นวันที่ต้องประชุมกับคนเยอะๆ แบบนั้นการเจอตัวก็ยังเป็นสิ่งที่ดีกว่าการคุยกันผ่าน Video/Voice call

Techsauce สามารถเรียกได้ว่าอยู่ในภาวะร่อแร่ในช่วง Q2-Q3 ที่ผ่านมา การจัดงานใหญ่ของเราที่ปกติจะจัดขึ้นในช่วงกลางปี ไม่สามารถจัดงานได้ ชาวต่างชาติไม่สามารถบินเข้ามายังประเทศได้ (จนถึงวันนี้ก็ยังทำไม่ได้) Sponsors ต่างๆ ก็ต้องเก็บเงินไว้กับตัวเอง เพราะไม่มีใครคาดเดาอนาคตได้ ความเครียดและความกังวลใจก่อเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลาย Q1 จนในที่สุด พวกเราก็ต้องตัดสินใจเลื่อนงานจากเดือน มิ.ย. ไปเป็นเดือน ต.ค. ซึ่งตอนนั้น เรายังคาดหวังว่า เราจะสามารถจัดงานยิ่งใหญ่ที่ Centara Grand at CentralWorld ได้อยู่ แต่แน่นอนว่า ก็ไม่มีอะไรเป็นได้อย่างที่ใจคิด

Techsauce เข้าสู่สภาวะล็อคดาวน์เฉกเช่นเดียวกับนโยบายของประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ให้พนักงานเริ่มทำการ WFH ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. เพื่อความปลอดภัย แต่รวมไปถึงการขอความร่วมมือในการลดเงินเดือน การขอให้ช่วย leave without pay เพิ่มเติม รวมถึงมีหลายคนที่ต้องจากลากันไประหว่างทาง เพื่อประคองให้เรือลำนี้ยังคงลอยในสภาวะที่เศรษฐกิจแปรปรวนเช่นนี้ ในสภาวะเช่นนี้ ไม่มีการตัดสินใจเรื่องไหนที่เป็นเรื่องง่ายเลย

การที่มี Fixed cost เกิดขึ้นทุกวันทุกเดือน แน่นอนว่าเราไม่สามารถหยุดนิ่งได้ เราจึงหาทางลองตลาดใหม่ ด้วยงานที่ชื่อว่า Techsauce Virtual Summit 2020 (TSVS2020) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 19–20 มิ.ย. 2020 ดันเป็นงานที่จัดวันเดียวกับ Global เดิมที่ถูกเลื่อนออกไป แน่นอนว่าคน “งง” ต่อให้ทำการ PR และ Communication ไปแค่ไหน คนก็ยัง “งง” อยู่ดี (โถ่ววว)

งาน TSVS2020 นี้ เป็นการจัดงานออนไลน์แบบเต็มรูปแบบ หมายถึงว่าผู้เข้าร่วมงานอยู่ในหน้าจอทั้งหมด แต่ต่อให้เป็นงานแรก ไม่เคยทำมาก่อน ทีมเราก็ยังชอบทำอะไรให้มันเยอะ และ Detail แยะกันเกินไปอยู่ดี (วงวาร) เป็นงานออนไลน์ที่มีทั้ง Live จาก Studio, Live จาก Zoom, Pre-record (มีน้อยมากกกก) ประหนึ่งว่าทำรายการทีวีที่เป็นรายการสด ก็คือมีความซ่ากันมากๆ ซึ่งแน่นอนว่าก็มีข้อผิดพลาดเยอะมากๆ (ฮ่าๆๆๆ) ด้วยความมาตรฐานสูง (ของใคร?) ก็เลยเล่นใหญ่ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นงานใหญ่ แบบที่ Speaker เยอะมากๆ แต่ก็เป็น 2 วันเต็มที่หนักหน่วงมากสำหรับพวกเราหลายๆ คน

ในส่วนนี้ก็เช่นเคยว่าเรารับหน้าที่ดูแลในส่วนของการดูแล Ticketing System การเป็นหัวสมองและคนจับบัคให้กับ vendor ที่สร้างเว็บไซต์ของงานขึ้นมา การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างกัน รวมไปถึงการเป็น Customer support ซึ่ง FB Inbox วันงานวันแรกแตกไปเลย ขอบคุณหลายๆ คนที่มาช่วยกันเป็น Admin ตอบทั้ง FB Inbox, Mail, Call มาทุกช่องทางมาก (พีคสุดน่าจะใช้ 8 คนในการมาช่วยกันดูแลตรงนี้)

หลังจบงาน vendor — vendor ก็ไปคุยกัน จับมือทำ partnership กันอีก Techsauce เรานี่ช่างเป็น ecosystem builder จริงๆ (อืม อืม อืม)

ตัดภาพกลับมาที่งาน Techsauce Global Summit เรามีการประชุมกันหลายครั้งมากๆ ว่าปีนี้งานจะออกมาในรูปแบบไหนดี แต่นั่นก็คือปลายเดือน มิ.ย. แล้วค่า (หลังจบงาน TSVS2020) ตอนแรกเราจะใช้ชื่อ Festival กันด้วย แต่ๆ ก็กลับมาเป็นชื่อเดิม แล้วใช้คำว่า Special Edition แทน เพราะการแตกแบรนด์เยอะเกินไป คนก็จะยิ่งสับสนหนักไปอีก และนั่นคือกลางเดือน ก.ค. เข้าไปแล้ว

หลังจากที่ Weekly meeting กันแบบ “เปลี่ยนนู่นที เปลี่ยนนี่ที” กันมาหลายที จนได้ข้อสรุปว่าจะไปในทิศทางใด เราก็เริ่มทำงานกันอย่างเข้มข้นช่วงปลาย ก.ค. นี่แหละ เท่ากับว่าเรามีเวลาทำงาน 2 เดือนกว่าเท่านั้น เพื่องานที่จะถูกจัดในวันที่ 5–8 ต.ค. 2020

ยิ่งจวนตัวก็ยิ่งตื่นเต้น Standup meeting ถูกเซ็ตขึ้นมาอีกครั้งในวันที่ 17 ส.ค. เพื่อให้ทุกทีมได้มาคุยกันในทุกเช้า ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะการ WFH ทำให้การพบปะเจอหน้าลดน้อยลง คุยกันน้อยลง แต่จะจัดงานได้ มันต้องคุยกัน ให้ทุกคนเห็นภาพและเข้าใจตรงกัน ถึงแม้บางวันจะไม่มีอะไรอัปเดตจากเมื่อวานเลยก็ตาม

สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดงานปีนี้

  • การวางแผนการรับมือคนที่ซื้อบัตร ซื้อบูธเพื่อจะมาออกงานปีนี้ แต่รูปแบบงานไม่เหมือนเดิม กี่สิบอีเมลที่ถูกส่งออกไป เพื่อแจ้งเลื่อนงาน เพื่อแจ้งให้เลือกสิทธิ์เข้างานว่าต้องการใช้ปีนี้หรือย้ายไปปีหน้า (แน่นอนว่ารวมถึงการ Refund) สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำตั้งแต่เดือน มี.ค. เรื่อยมา จนกระทั่งวันงานก็ยังมีคนที่เหมือนไม่รู้อะไรเลยมาถามถึงสิ่งนี้อยู่ ก็เหมือนว่าอีเมลใดๆ ของพวกเราไม่เคยถูกเปิดเลย (มี Tracking ว่าส่งไปแล้วอยู่ในระบบ เพียงแต่คุณพี่ไม่เปิดดูไงค้าาา) สำหรับคนที่ซื้อมาทางออนไลน์ เราตัดสินใจส่ง SMS ออกไป เพื่อแจ้งรายละเอียดวันงาน ก็มีบางคนทักมาอีกว่าจะขอ Refund (ทั้งๆ ที่ปิดไปแล้วประมาณ 3 เดือน — จะร้องไห้แล้ว) “ทุกปัญหามีทางแก้ ท่องไว้เสมอ” ถึงแม้บางทีก็ไม่อยากแก้ให้ก็ตาม (ฮือ) และแน่นอนว่าปัญหานี้ยังไม่จบ เชื่อสิ
  • Communication ที่ทำอย่างหนักหน่วงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์หลัก เว็บไซต์ข่าว Social Media อีเมล หรือ SMS “ถ้าคนเขาไม่อ่าน ต่อให้ส่งให้ตายแค่ไหน เขาก็ไม่อ่าน” (ร้องไห้แล้ว)
  • “ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ” คือประโยคติดมือสำหรับการตอบข้อความ และแน่นอนว่าทุกปัญหาต้องได้รับการแก้ไข
  • การคุยผ่านทางข้อความอาจก่อให้เกิดอารมณ์เกรี้ยวกราดได้ โดยเฉพาะเวลามีแอดมินหลายคนที่พยายามช่วยกันดูแลคุณเค้า แต่ยิ่งคุย ลูกค้ายิ่งเกรี้ยวกราด เพราะฉะนั้นให้โทรหาแล้วไปคุยกับเค้า ซึ่งถ้ามาถึงเคสนี้ทีไร คนโทรไปก็เป็นฉันทุกที (ยกเว้นบางคนที่เกินรับมือ จะส่งให้พี่โต๊ตดูแล)
  • ควรต้องมี Production team ที่สร้างเว็บไซต์หลักของงานเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เป็น Vendor ที่ไว้ใจได้ ติดต่อได้ง่าย เจอตัวกันได้ยิ่งดี ยิ่งงานใหญ่แล้ว vendor อยู่ไกลถึง Australia เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก เหมือนคุย slack เป็น 1-way communication อะไรที่เคยทำได้ ก็กลายเป็นทำไม่ได้ ต้องหาแผนสำรองมาเสียบอยู่เรื่อยไป แต่มันก็สอนให้เราเข้าใจว่า ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราทุกอย่างหรอก ทุกอย่างต้องมีแผนสำรองเสมอ nature การทำงานของแต่ละชาติ แต่ละคนไม่เหมือนกัน เค้าอาจจะไม่ได้เป็นคนบ้างานแบบเราก็ได้ อะไรที่มันต้อง “ช่างแม่ง” เสียบ้าง แล้วทำให้งานส่วนอื่นเดินต่อไปได้ก็ควรต้องทำ มันคือการจัด priority งานและความคาดหวังของเราเอง “ไม่มีอะไรที่ PERFECT 100%”
  • ทุกสิ่งอย่างที่เป็นออนไลน์ควร integrate กันได้อย่างไร้รอยต่อ (ทอเต็มผืน หลับเต็มตื่น) ยิ่ง manual มากเท่าไหร่ ยิ่งใช้คนเยอะแค่ไหน ก็ยิ่งเจอ error มากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่อง data ถ้ามันทำ validation มาดีตั้งแต่ต้น ปัญหาปลายทางก็จะน้อยลง แน่นอนว่ามันรวมไปถึง UX ในทุกภาคส่วนด้วย

ทีมงานที่ดี มีชัยไปเกินครึ่ง

ทีมงานทุกคนคือพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มาก สู้มาก คนที่ต้องรับลูกค้าก็รับมืออย่างเต็มที่ แม้ลูกค้าจะมาด้วยอารมณ์เกินร้อยไปมาก คนที่หาเงินมาจัดงานก็เก่งมาก คนรันงานก็รับมือกับความแปลกใหม่ได้อย่างไม่มีที่ติ น้องๆ ที่มาเป็น Contract งาน Summit ก็ Quality กันมากๆ ประทับใจจริงๆ

  • ทีม Content คุณภาพ นำโดย แอร์ แนน พี่ซัน น้ำฝน รดา บีม (ที่ปีนี้กลายเป็นผู้ดูแล Media Partner อย่างเต็มตัว) ไซหมุยที่ยังคงแวะเวียนอยู่ไม่ห่าง
  • ทีมเพชรบุรี ที่ตัด Video อย่างบ้าคลั่ง นัท ผู้มีความรับผิดชอบสูงส่ง จะแก้กี่โลโก้ นัทก็จะทำให้ มาพร้อมกับ มาร์ค ภู ที่ทำงานร่วมกับ อุ้ม อาร์ ทีม event ที่ดู online conference และ workshop ได้เป็นอย่างดี รวมถึงพ่อโก๊ตที่เอาตัวโผล่มาที่วันงานด้วย แม้ไม่เห็นตัวแต่ก็ยังรับฝิ่นอยู่เสมอ
  • สาว Marketing สุดฮอต เจนจิ และลูกๆ ของเธออย่างน้อง Twitch +1 ที่ปั่นงานควบคู่กับ บิ๋ม กราฟิกมือหนึ่ง ฝีมือตัดต่อไม่เคยเป็นรองใคร
  • ทีมดูแล Speaker คุณแม่ Kathy ผู้มี Goal-oriented เป็นเบอร์หนึ่งแบบหาใครเทียบติดได้ยาก ถ้ามีตัวเลขมาให้แล้วต่อให้ไม่มีเวลาทำแล้ว คุณแม่ก็ต้องไปถึงให้จงได้ (คนที่ต้องเก็บงานตามหลังให้คุณแม่เนี่ยแหละที่เหนื่อย T^T) ตามประกบด้วยสองบอดี้การ์ดจากบนฟ้า จูน และ โด้ เป็นปีที่ทีมนี้ทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ส่งงานไปทีมอื่นได้เป็นระบบมาก ทีมเว็บถูกใจส่ิงนี้
  • ทีมหาเงินผู้แข็งขันและสร้างความอยากได้นู่นนี่ให้ทีมเว็บจนปวดหัว (แต่ก็รักนะ) อันได้แก่ จิดะ(นะ) พี่ปาล์มมี่ น้องน้ำ ผู้ขายแอดเวอเก่งที่เป็นผู้ดูแล startup exhibitor และ register ในวันงาน น้องฝ้าย ที่อยู่แก้ปัญหาด้วยกันจนถึงต้นเดือน ก.ย. ก่อนจะออกไปตามฝัน น้องดรีมที่สู้ด้วยกันจนวันงานวันสุดท้าย และน้องไอซ์ที่เก็บ Community partner มาได้มากมาย
  • ทีมเว็บ/ออนไลน์/ไอที/แพลตฟอร์ม (ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดี) อายอี้ ทายาทอสูรที่โดนปล่อยตะขาบไปหลายสิบตัว เก่งมากกับการดูแล Ticketing ปีนี้ รวมถึงการมาช่วยดูแล JB, MKP ต่อจากมินมิน และแน่นอนว่ามี Data กองโตที่รอเคลียร์อยู่ (เฮือก) มินมินและ byteark ผู้เป็นที่รัก กับการ upload ทุกอย่างแบบข้ามวันข้ามคืน ดึกดื่นก็อัพทิ้ง น้องอิง เป็น Contract ที่โชคชะตาฟาดมาให้ได้มาเจอกัน สอนงานไม่นาน ก็ทำได้หมดเลย ช่วยงานได้ดีมากๆ ดีใจที่ได้มาเจอกัน
  • สี่สาวทีม Event on ground มะเหมี่ยว ลีนา ตุ้ยนุ้ย ติงตัง ที่รันงานได้เป็นอย่างดี มะเหมี่ยวจะเป็น PM ที่ดีในอนาคตแน่นอน ความอึดถึก กลางคืนไม่นอนของน้องก็คือพี่ยอมแพ้ ลีนาที่ทำงานเข้าขากับมะแบบมองตาก็รู้ใจ น้องนุ้ยที่เพิ่งจบออกมาทำงานใหม่ ก็ดูแล Business matching ได้ดีมาก สนิทกับ Simply Book มากๆ และงานหน้า (ติงตัง) พี่ขอไม่กินหมูทอดแล้วนะ 55+
  • Communication น้องปอ ผู้เสกอีเมลและ Manual หลายฉบับที่ทำให้การใช้งานไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าเค้าไม่อ่าน เค้าก็คือไม่อ่านล่ะนะ (ฮือ)
  • ขาดไม่ได้กับเอกสารการเงินกองโต ถ้าไม่มีคุณมุ่ย เราก็จะเก็บเงินใดๆ ไม่ได้เลย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ
  • น้องปาล์ม น้องแฮม น้องแพร น้องใบหญ้า มือ Graphic ทั้งหลาย ที่เข้ามาช่วยกันเสกงาน น้องคริส น้องโอ๊ต น้องไบรท์ น้องแพม ที่อาจจะไม่ได้ทำงาน Summit แต่ก็ช่วยรันงานอื่นควบคู่กัน รวมถึงน้องๆ Staff ที่มาช่วยกันวันงาน
  • และคนสำคัญของเรา พี่โต๊ต (พต) ผู้เปรียบเสมือนเสาหลักของน้องๆ หลายคน พี่ได้รับผิดชอบหน้าที่ที่มากขึ้นไปอีกขั้น พี่อาจจะไม่ได้ลงมาคลุกคลีที่หน้างานเหมือนเดิม แต่ทุกครั้งที่มีปัญหา เราจะเห็นพี่คอย Backup ให้พวกเราเสมอ เราเชื่อมั่นว่าพี่ทำได้ในตำแหน่งใหม่นี้และจะทำได้ดีแบบที่เราได้รู้จักกันมาหลายปี
    ขอบคุณ พี่มิหมี ที่ให้โอกาสให้เราได้มาอยู่ที่นี่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ไม่เคยปิดกั้นสิ่งใด รับฟังความเห็น มอบโอกาสและสิ่งดีๆ ให้กันเสมอ ขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวพริ้วเสมอมา และขออภัยหากมีหลายอย่างไม่อาจเป็นไปได้ตามที่พี่คาดหวัง
  • แน่นอนว่างานนี้จะเกิดขึ้นได้ มันไม่ใช่แค่ทีมงาน แต่รวมไปถึง Sponsors, Partnes, Speakers, Vendors, ผู้เข้าร่วมงานทุกคน ที่เชื่อมั่นใน Knowledge Sharing Platform แห่งนี้ อาจจะมีคนอื่นที่ไม่ได้ mention ถึง ณ ที่นี้ แต่อยากบอกให้รู้ว่า

ขอบคุณที่เราได้มีโอกาสมาใช้ชีวิต ได้ทำงานร่วมกัน

สิ่งที่เชี่ยวชาญมากจากการทำงานที่ Techsauce มาครบ 3 ปี

กับงานใหญ่ประมาณ 5 งาน และงานเล็กๆ อีกนับไม่ถ้วน คือ

  • ทำเว็บ ทำแอป ทำเว็บ ทำเว็บ ที่ไม่เคยมีทีม production เป็นของตัวเอง ทั้งเว็บงานหลัก แอปงานหลัก เว็บขายตั๋ว เว็บที่ดูแลเรื่องการพิมพ์บัตรหน้างาน เว็บสำหรับทำ Business matching ไม่ว่าจะ vendor ไทย หรือ เทศ ก็ผ่านมาแล้ว อย่าง Australia นี่ก็อยู่กันมาสองปี จะเป็นบ้าทุกปี การทำงานกับต่างประเทศทำให้เราค้นพบ skill อีกอย่างของตัวเองคือ เวลาที่บางอย่างไม่เป็นดั่งใจหรือที่คุยกันไว้ การถามและอธิบายเป็น EN แบบไฟแล่บและเกรี้ยวกราดจะมาแบบไม่รู้ตัว (ปกติก็เป็นคน cute cute แหละ)
  • การรู้จัก Platform (รวมถึงผู้คน) แบบ in-detail ที่หลากหลาย เรียกว่า “การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุดก็ว่าได้” ช่วยให้เราปะติดปะต่อยามคับขันได้ว่าต้องยกหูโทรหาใครเพื่อขอความช่วยเหลือ เราน่าจะเป็นลูกค้าที่ไม่น่ารักเท่าไหร่ เพราะมีความละเอียดระดับสูงมาก จับอะไร แตะตรงไหน ก็จะเจอบัคอยู่ทุกทีไป เป็นคนตรงเวลาที่หงุดหงิดทุกครั้งเวลาที่มีใครทำอะไรไม่ตรงตาม timeline ที่คุยกัน และงาน Techsauce ก็ไม่ใช่งานง่ายซักที มี Requirement ใหม่ๆ มาเรื่อย และมีคำขอแปลกๆ อยู่เสมอ สำหรับ Vendor ท่านใดที่เข้ามาอ่าน และเรายังทำงานด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ เราอยากบอกว่า ขอบคุณมากๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้งานของเราสำเร็จลุล่วงด้วยดีเสมอมา
  • ระบบ Ticketing ตั้งแต่ก่อนขาย ยัน After Sale ซึ่งแน่นอนว่ามันถูกพ่วงมาด้วยสกิล Marketing, Communication, Customer Success หรือเรียกแบบบ้านๆ ก็คือ Customer Service/Support รวมไปถึง Process ด้านบัญชี รองรับทุกอารมณ์ความเกรี้ยวกราด จนบางทีก็อยากจะด่ากลับ (แน่นอนว่าทำไม่ได้) สุดท้ายก็ต้องแก้ปัญหาให้คนผู้นั้นให้ลุล่วงอยู่ดี
    ณ จุดความปรอทแตกนี้ เราจะทักแชทไปหาคนๆ หนึ่ง และวงเล็บด้านหน้าก่อนประโยคโวยวายว่า “[อารมณ์ชั่ววูบ] xxx, [อารมณ์อีกครั้งหนึ่ง] xxx” คนๆ นั้นก็คือ พี่โต๊ตนั่นเอง (ฮาาา) ขอบคุณพี่โต๊ตที่คอยพิมพ์ปลอบด้วยความใจเย็นกลับมา คือสุดท้ายเราก็หายแหละ แค่ไปนอนก็หายแล้ว แต่คนเรามันก็ต้องมีจุดพีคกันบ้าง (เนอะ)
  • Data cleaning สิ่งนี้ไม่ได้อยากจะทำเท่าไหร่ แต่!!! เมื่อเมลส่งไม่ถึงปลายทาง แล้วพบว่าอีเมลมีหน้าตาแปลกๆ เช่น gmal hotmai .con และอื่นๆ อีกมากมาย! เข้ามาในลูกตา มันก็เลยต้องแก้ไขไปในตัว อยากจะฝากถึงทุกคนที่กรอกข้อมูลตัวเอง เวลาซื้อบัตรหรือทำอะไร ช่วยเช็คข้อมูลว่ามันถูกต้องทีค่ะ ไม่งั้นมันก็จะส่งไม่ถึงนะคะคุณพรี่ขาาาาา
    ล่าสุดนอกจากต้องจัดการชีวิตคนซื้อบัตรแล้ว ก็ต้องจัดการไฟล์ของทีมงาน… ด้วยความที่มีการส่งต่องานกัน การทำงานร่วมกันของหลายคน รวมถึงทุกคนต่างชอบเปิด tab ใหม่ใน sheet เดิมอย่างครึกครื้น ผลก็คือ ต้องเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 12 tabs มาจัดระเบียบชีวิตใหม่ให้มาอยู่ใน 1 tab หรือไม่ก็ 2 files (ที่มีหลาย tabs) ที่เป็นเรื่องเดียวกัน แต่ข้อมูลไม่เท่ากัน (งงไปสิ) เอามาอยู่ในหน้าเดียวกัน
    ถ้ามันไม่เป็นระเบียบ มันก็ทำสรุปข้อมูลยาก การคลีนดาต้ามันก็ยาก ยากจนอยากจะจับทุกคนมาเรียนวิชาจัดระเบียบไฟล์งาน 101 จริงๆ
  • Mail Merge expert ร่างอวตารอีเมลของใครต่อใคร อีเมลกว่าครึ่งร้อยฉบับก็คือถูกส่งโดยฉันเอง พอเป็นร่างอวตารเยอะๆ เข้า มันก็เลยกลายเป็นว่ารู้ทุกเรื่องของการ communication ของทุกทีม แถมด้วยรู้ปัญหาที่ต้องไปช่วยแก้ไปอีก
    ทุกอีเมล ทุกแชทที่ได้รับ ถ้ามาถึง Inbox ของเรา มันจะไม่หายไปไหน ถ้าคนๆ นั้นต้องการความช่วยเหลือจากเรา เค้าจะได้รับการตอบกลับ (นี่คือปล่อยให้ Noti. ต่างๆ ค้างไม่ได้จริงๆ)
  • หลับตาทีไร ก็ฝันเห็นถึงปัญหา ตื่นมาก็จะพบว่าจุดตรงนั้นมันเป็นปัญหาจริงๆ ถ้าฝันล่วงหน้านานหน่อย ก็จะแก้ได้เร็วหน่อย แต่ถ้าฝันเห็นช้า ก็อาจจะตาเหลือกนิดนึง ทุกปัญหามีเอาไว้ให้แก้ไข (แต่ถ้าไม่มีปัญหาเยอะๆ เลยก็จะดีกว่า) การคร่ำครวญหาคนผิดไม่ได้ช่วยให้งานเสร็จ เพราะฉะนั้นแก้ปัญหาตรงหน้านี้ให้รอดก่อนนะ

บางทีก็คิดว่าเทพเจ้าน่าจะสร้างให้เรามาเกิดเพื่อเป็นคนแก้ปัญหา และจัดระเบียบให้ทุกอย่างมันเรียบร้อยยังไงก็ไม่รู้… (ครุ่นคริสสสส)

การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การที่รับรู้เรื่องอะไรๆ มากขึ้น อาจทำให้เรามีสิทธิอะไรมากขึ้น แต่มันก็แถมมากับความรับผิดชอบที่มากขึ้น เห็นใจและเข้าใจคนที่ลำบากกว่าเรามากขึ้น ในสภาวะที่ Covid ยังอยู่แบบนี้ ไม่มีใครที่ใช้ชีวิตได้ง่ายเลย ไม่ว่าจะเป็นพนักงานแบบเรา หรือเจ้าของบริษัทที่ต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้บริษัทยังคงอยู่ต่อไป

ด้วยสภาวะเช่นนี้ ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้เราคิดถึงอนาคตของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ชีวิตคนเราช่างไม่มีความแน่นอนใดๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ไปแล้วเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาคือ ถ้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรต่อจากนี้ ขอใช้ชีวิตสุดโต่งกับที่นี่ ถ้าเรือลำนี้จะต้องแตก ก็ให้มันแตกไปพร้อมกับเรา หรือ พายจนกว่าเรือลำนี้จะรอดปลอดภัย …ดูเหมือนว่าความคิดที่สองจะเป็นจริงในไม่ช้านี้ :)

--

--

Parima Spd
Parima Spd

Written by Parima Spd

I enjoy reading and writing. Continue to learn and try new things to improve. Before you die, explore this world.

No responses yet