[บันทึกการเดินทาง] SB’19 Oceans and beyond —Day1 — Young Local Wisdom
เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาเข้าร่วมงานสัมมนา Sustainable Brands (SB) เป็นการประชุมสัมมนา ด้านความยั่งยืนของแบรนด์ โดย SB นี้ถือเป็นครั้งที่ 5 ชื่องานว่า SB’19 Oceans and beyond จัดขึ้นในวันที่ 25 -26 ตุลาคม ณ สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร โดยรูปแบบการจัดงานในครั้งนี้จะแบ่งเป็นสองวันคือ วันที่ 25 ตุลาคม มีทริปให้เลือกสามทริปตามความสนใจของผู้เข้างาน โดยแบ่งออกเป็น
- Coffee Co-Creation — พี่มิหมีเลือกทริปนี้
- Young Local Wisdom — เราเลือกทริปนี้
- Seafood Journey
ทริปนี้ของเราเริ่มตั้งแต่ การตื่นแต่เช้ามืด (04.45 น.) อาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบลากกระเป๋า เรียก Grab Taxi ออกจากบ้านไปสนามบินดอนเมือง เพื่อให้ทัน Flight ที่จะออกเดินทางตอน 07.25 น. โดยมีแซนด์วิช 1 ชิ้นรองท้องก่อนขึ้นเครื่อง เมื่อเราเดินทางมาถึงสนามบินชุมพร (เป็นครั้งแรกที่มาชุมพรด้วยเครื่องบิน!) ก็จะเจอกับชาวคณะทำงานถือป้ายรอรับพวกเรา โดยแบ่งตามทริปที่พวกเราเลือก ทำให้เราต้องแยกทางกับพี่มิหมีตั้งแต่สนามบินเลย (และจะได้เจอกันอีกทีตอนเข้าที่พักตอนกลางคืน)
สมาชิกของ Young Local Wisdom คันที่ 3 ประกอบไปด้วย
- พี่บิ๊ก พี่เบ๊นซ์ คณะทำงาน เสื้อเหลือง
- พี่เอ๋ UOB
- อาจารย์ชัยยศ นักวิจัย สายสิ่งแวดล้อม โรงงาน
- พี่เพชร พี่ปุ้ย พี่แหม่ม PTTEP
- พี่โบว์ พี่เกษม (มาแจมทีหลัง หลังจากที่เราไปธนาคารปูมา)
เรื่องเล่าของพี่บิ๊ก พี่เบ๊นซ์ ทำเรื่องข้าวทั้งคู่ เป็นอาสามาช่วยงาน
พี่เบ๊นซ์
- พื้นเพบ้านอยู่แถวปทุมวัน มีโรงงานเหล็กอยู่พระรามสอง
- ช่วยชาวนาปลูกข้าวด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทดลองเปิดเพลงให้ข้าวฟัง “ข้าวเพลงรัก” ทำอยู่ที่ อู่ทอง สุพรรณบุรี ทำมา 4 ปีแล้ว นอกจากผลิตภัณฑ์ข้าว ก็ยังมีการแปรรูปเป็นข้าวกล้องอบกรอบ เป็น snack
- มีการไปหาพี่บอย โกสิยพงษ์ ว่าจะขอเปิดเพลงพี่นะ พี่บอย&พี่นภ ก็มาช่วยดำนาด้วย
- เป็นการฉีกจาก demand/supply ในตลาด
- ชาวนาสามารถใช้หนี้ ธกส. ได้
- การปลูกข้าวเป็นวิทยาศาสตร์ ใส่ปุ๋ยหรืออะไรๆ ให้พอดี การใส่เกินคือเสียเปล่า
พี่บิ๊ก
- ทำโรงสีมาก่อน ช่วงประมาณปี 2555 มีเรื่องจำนำข้าว เคยรับจำนำ 15 บาท เหลือ 6.70 บาท ณ วันที่เราซื้อ ชาวนาก็ร้องไห้ในวันที่มายื่น ในวันนั้นเราซื้อต่ำกว่าท้องตลาด ก็มาคิดว่าทำไมชาวนาถึงขาดทุน ก็เลยไปหาท่าน ว.วชิรเมธี เป็นนักเรียนชาวนารุ่นที่สอง เพื่อให้รู้กระบวนการทั้งหมด
- เน้นการให้ความรู้ คุณค่าของข้าวให้กับชาวนา ให้พวกเขารักอาชีพ
- ทำมา 5 ปีแล้ว เป็นการทำนาปี
- เราคุยกันด้วย stat ถ้าทำตามวิธี (ที่วิจัยมาแล้ว) ที่เราบอกแล้วชาวนาขาดทุน เราเติมให้
- ข้าวเหนียวเขี้ยวงู ที่เชียงราย คือดีมากนะ
สถานที่แรก: เขามัทรี
นมัสการเจ้าแม่กวนอิม ปางมหาราชลีลา ปางเดียวกับจตุคาม เชื่อว่าช่วยคนตกน้ำได้
ถ้าใครดวงไม่ดี มากราบไหว้จะเปลี่ยนได้ แต่ต้องไหว้ตอนพลบค่ำเท่านั้น
เมื่อก่อนเป็นปางสีดำ มีพระแม่มาเข้าฝันชาวบ้าน ให้เปลี่ยนเป็นสีขาว แล้วก็บูมขึ้นมา (เปลี่ยนไม่ถึง 10 ปี) เมื่อก่อนองค์อยู่ข้างล่าง โปรโมทยังไงก็ไม่ขึ้น
ที่จุดนี้ จะมีสามวิวให้มองเห็น
1. อ่าวไทย
- มองเห็นเกาะเสม็ด ชุมพร
- นักท่องเที่ยวส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ จะมา trekking บนเกาะ เป็นสวนมะพร้าว มีหมูป่า นั่งเรือหางยาวไป ~40 นาที (ของชาวบ้าน) เป็นเกาะที่มีโฉนด
- ชุมพรเป็นจังหวัดที่มีหาดทราย 400 ลี้ (1 ลี้ = 0.5) เป็นหาดยาวตั้งแต่บางสะพานน้อย → ก่อนถึงสุราษฎร์ธานี
- หมู่เกาะชุมพร มี 40 เกาะ
- มีค่างแว่น อยู่แถวร้านกาแฟ (แต่วันนี้ไม่เห็น)
2. ปากอ่าว
- มองเห็นเกาะมัตโพน ตามตำนานเกาะกับเขาเคยเป็นเนื้อเดียวกัน ที่เกาะมีถ้ำที่สามารถเดินขึ้นมาบนนี้ได้
- เป็นทะเลแหวก สามารถเดินไปที่เกาะได้
- เป็นที่ของทหารเรือ บ้านที่เห็นคือของทหารเฝ้าเกาะ
- ข้างบนเป็นประภาคาร มีเจดีย์ (มีเทศกาลขึ้นเขา)
- เวิ้งระหว่างเกาะ กลุ่มชาวบ้านช่วยกันทำซั้งเป็นที่อยู่ปลา
- จากหาดเข้าเกาะ เดินประมาณ 20 นาที ช่วงนี้น้ำลงเลยมองเห็นทราย เดินได้ประมาณเที่ยง หลังจากนั้นก็เดินไม่ได้แล้ว
3. หมู่บ้านประมง
- เป็นแม่น้ำท่าตะเภา ไหลผ่านตัวเมืองลงสู่ปากอ่าว
- เห็นแม่น้ำสองสี
- ดังเรื่องหอยแมลงภู่ มีความอุดมสมบูรณ์
- ใช้ในการเคลื่อนที่ของเรือสำเภา (เลยชื่อท่าตะเภา)
เมื่อได้เวลาอันควร ก็ได้ฤกษ์เคลื่อนที่ไปที่อื่นต่อ ข้าวเหนียวหน้าปลาแห้งอร่อยมาก เลยซัดไป 3 ห่อ พร้อมกับชานมเย็นจากร้านกาแฟ (ที่นี่เค้าเด่นเรื่องกาแฟโรบัสต้า แต่ไม่กินกาแฟหง่ะ) //คนหิว 2019//
สถานที่สอง: ธนาคารปูม้า
- ผู้ที่มาต้อนรับเป็นอดีตวิศวกรจาก กทม. กลับมาอนุรักษ์บ้านเกิด
- ทำยังไงให้ใช้ทรัพยากรได้มีประโยชน์มากที่สุด ยั่งยืนแล้วก็เป็นประโยชน์
- มีธนาคารปูม้า หลายร้อยแห่ง ที่ชุมพรอาจจะถึงร้อย
- ยิ่งธนาคารเกิดเยอะ ทรัพยากรเราก็ยิ่งเยอะ
- ที่นี่เป็นสถานที่ราชการ เงินทุนตั้งต้นเป็นของ บ.เอกชน ทำยังไงให้มันยั่งยืนที่สุด
- คุยกับชาวประมงที่จับปู คุยให้เค้าเห็นว่าสิ่งที่ทำ ทำให้ปูลดลง ทำยังไงให้ยั่งยืน ก็เลยชวนมาทำธนาคารปูกัน ชาวประมงเอาปูมาให้ทุกเช้า แม่ปูไข่นอกกระดอง เอามาให้แค่ตัวเดียวก็พอใจแล้ว ที่เราอยากทำจริงๆ คือการปลูกจิตสำนึก ถ้าเจอปูไข่นอกกระดองแล้วปล่อยลงทะเลได้ อันนี้จะสุดยอด ธรรมชาติที่สุด แต่มันทำไม่ได้ ก็เลยเกิดการรวมกลุ่มกัน
- ปูที่ได้จากลอบปู (1 คืน) จะมีความ fresh ปูไม่เหนื่อยไม่เครียด ถ้าปูเครียดจะสะบัดก้ามทิ้ง โอกาสที่จะหาอาหารกินมันจะยากขึ้น
- ขายไอเดีย ก็เริ่มมีคนสนใจ มีคนเห็นด้วย/ไม่เห็นด้วย เอาทฤษฎีในหลวงมาใช้ การให้ทุกคนเอามาปล่อยฟรี มาดูแลด้วยกัน ที่ไปปล่อยปู เก็บขยะกลับมาด้วย ถ้าไม่มีคนมาปล่อย เราก็เปิดก๊อกปล่อยได้ และปล่อยน้ำเค็มไล่ตาม ไม่มีการจ้างงาน ไม่ record จำนวน
- ปลูกฝังการมีใจอนุรักษ์ ทุกวันนี้มีปูและไข่ปลาหมึก กะว่าจะทำ ซั้ง (บ้านปลา ใช้ทางมะพร้าวปลูกเป็นกอ ถ่วงด้วยปูน มีทุ่นพลาสติกดึงได้) กันต่อ
- ปู ตัวผู้ ขนาดใหญ่ สีแกมน้ำเงิน ตัวเมีย ออกเขียวเทา จับปิ้งออกแนวป้าน
- 3 เดือน ผสมพันธุ์ได้ → ไข่ดันตัวออกมานอกกระดอง ระยะแรกเป็นสีเหลือง ใช้เวลา 7 วันเคลียร์ไข่ ถ้าเทาดำคือ 1 วัน ถ้าจับได้สีเทาดำให้ปล่อยออกไปเลย มีโอกาสรอดมากกว่าในธรรมชาติ
- ถ้าปูเครียด จะเขี่ยไข่หรือหักก้าม
- ถ้าไข่สมบูรณ์จะออกเป็นเม็ดๆ ถ้าไม่สมบูรณ์จะออกเป็นสาย
- ไข่ปู ออกได้มา 200K-2M เม็ด จะออกมาเป็นปูใหญ่ 1–250 ตัวเท่านั้น
- ทำงานร่วมกับ มก. และ สจล.
- พลิกแนวคิด 1 ตัวออกได้ 250 ตัว → 6 เดือน ขายได้ 5K บาทต่อ 1 แม่ปูเลยนะ
- ถ้าเราอนุรักษ์กันจริงๆ ปูเยอะ ราคาลดลง แต่ชาวประมงไม่ต้องออกไปไกล ไม่ต้องเสี่ยงกับคลื่นลม
- ระยะ “ซูเอี้ย” คล้ายๆ ลูกน้ำ มีหัวกลมๆ มีหางนิดนึง สามารถเลี้ยงไปในระยะสอง “เมกาโลปา” ได้ แต่เราต้องเลี้ยงด้วย “โรดิเฟอร์” ก็จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น มันอาจจะมีปูรอดเยอะขึ้น แต่มันยุ่งยาก
- ทำอะไรให้ง่าย ถ้าวันนึงเค้าอยากจะแยกไปทำหน้าบ้านเค้า ได้เลย จะยินดีมาก
- “อาร์ทิเมีย” กระป๋องหลายร้อยบาท ไว้เลี้ยงระยะ “เมกาโลปา” จุดคุ้มทุนจะไม่คุ้ม
ก็เลยปล่อยระยะ “ซูเอี้ย” กลับทะเล - อนาคตจะจดไว้เลยว่าชาวประมงปล่อยถังไหน พอปล่อยไข่เสร็จก็เอาปูกลับไป
- เดี๋ยวเราจะได้ solar cell ทีนี้ก็จะไม่มีค่าไฟรายเดือนแล้ว
- ถ้าไม่ทำเอง ว่างๆ ก็มาปล่อยปู สอนลูกหลานได้ และเก็บขยะไปด้วย
- ปูลดปริมาณ เกิดจากใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย ทำลายล้าง เรามีแนวคิดว่า ไม่มีใครอยากทำผิด ถ้าทรัพยากรมากพอ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือผิดๆ
หาปูไปด้วย เอานักท่องเที่ยวไปล่องคลองด้วย
คลองสวย แต่ก็มีขยะเพราะเป็นปากอ่าว เกิดจากขยะจากลำคลอง ทะเลก็มารวมกัน “กล้าทิ้ง เรากล้าเก็บ” ทำโครงการเก็บขยะทุก ส. ที่สองของเดือน มันเก็บไม่หมดหรอก แต่คนที่มา ได้เที่ยว ได้เก็บขยะ เวลาที่จะไปซื้อของก็ลด หลอด ถุง จากจิตสำนึกนี้ อนาคตจะมีโครงการปลูกป่าอีก - ถ้าโครงการนี้อยู่ได้ เซ็ตตัวได้ ก็จะไปทำธนาคารกุ้งก้ามกรามต่อ
- อยากให้มัน auto running ให้อยู่ได้ด้วยความยั่งยืน
การขยายพันธุ์
- โป๊ะกลางน้ำทะเล เพชรบุรี
- ถังเพาะเลี้ยง
> ปูไข่เหลือง เอาแปรงปัด เก็บเฉพาะไข่ 7 days แล้วปล่อย
> ถ้าปูตาย 1 day หักจับปิ้งมาเพาะต่อได้ มีโอกาสรอด
- ใช้น้ำที่ความเค็ม 25–30 ส่วน
- ถ้าเพาะสมบูรณ์ ไข่จะออกเป็นเม็ดและดิ้นอยู่
- 1 วันถ้าไม่ปล่อยลงทะเล มันจะกินกันเอง เพราะไม่มีอาหารให้กิน
จากนั้นก็แจกถุงมือสีส้ม เพื่อให้ช่วยกันเก็บขยะที่พื้นทราย
เก็บเท่าไหร่ก็ไม่หมด หงุดหงิดคนทิ้งชะมัด!!
ก่อนจะจากที่นี่ไป เราได้ปล่อยปูลงทะเลกันจริงๆ ด้วย (ฝากน้องตัวเล็กเป็นคนลุยทะเล)
ก่อนจะโดดขึ้นรถ ก็แวะกอบลองกองขึ้นมาหนึ่งกำมือ (กินตลอดเวลา) นั่งรถไปอีกอึดใจ (ที่กินลองกองจนหมด) ก็มาถึงสถานที่ลงเรือ
สถานที่สาม: ล่องเรือ แม่น้ำท่าตะเภา
ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องเล่าจากคนขับเรืออายุ 52 ปี
- เมื่อก่อนเป็นเมืองบาดาล
- ร.9 ทำแก้มลิง
- ชลประทานสร้างเขื่อนกั้นไว้ พอน้ำนิ่ง คนเลี้ยงปลาในกระชังก็เกิดปัญหา
- หมดหน้าลมว่าว น้ำจะใส ดำน้ำหากุ้งหาปลา เมื่อวานตกได้ 2kg กว่า ก็ได้ 1K กว่าบาท
- น้ำใส ดันทะเลขึ้นมา จะกร่อย ข้างบนจืด ข้างใต้เค็ม
- เลี้ยงปลากระพงขาวหลาย size ตั้งแต่เด็กๆ พอโตได้ที่ ก็ขายร้านอาหาร
- กระชังปลา พวกปลากระพง ว่ากันว่ารายได้ดี แต่ถ้าชะโดมากัดกระชังขาด ก็ขาดทุน
- กระพงก็เป็นนักล่ากุ้ง ปลากระบอก
- ปลากระบอกมีน้อย แขยงมีน้อย
- ปกติจะให้อาหารตอนเย็น ช่วงน้ำลง เช่น ลูกกุ้งเล็กๆ ปลาทราย ปลากดขาว
- แถวนี้เลี้ยงปลากระชัง ปลูกมะพร้าว ทำไซกุ้ง
- เจอคนตกกุ้ง เป็นตัวเมียไข่ พวกนี้ราคาโลละ 400บาท คละ size
- เมื่อก่อนมีเลี้ยงปลานิลแดง มีเสีย ถ้าน้ำขุ่นเกิน
- คลองชุมพร ไม่มีบำบัดน้ำเสียจากโรงแรมในตลาด ปล่อยทิ้งตรง นายก (เข้าใจว่าเทศบาล) คนนึงเคยทำ แล้วก็ไม่ได้ใช้ (เรื่องการเมือง)
- เฉพาะหัวปลาได้ โลละสิบกว่าบาท
- มีทัวร์ฝรั่ง คิดหัวละ 250 พาดูคลอง ลิงแสม หิ่งห้อย เมื่อก่อนมีแพดูหิ่งห้อย แต่เจ๊งไป หิ่งห้อยอยู่กับต้นลำพู
- พม่าบอกว่าคนชุมพรขี้เกียจ เค้ามารับจ้างขายของแทนแม่ค้า พม่าสามารถกลับไปสร้างบ้านได้จากการทำงานไทย เหมือนคนไทยไปทำงานเมืองนอก
- (เวลาเจอคนตกกุ้ง คนขับจะดับเรือเครื่อง แล้วใช้การพาย)
- กุ้งก้ามกรามจะขายแพงกว่า
- เมื่อก่อนคนขับเรือทำงานดำปลา ดำได้ 15 เมตร freedive เลย ได้หลายหมื่น
- ตอนนี้ทำทัวร์ขายตั๋วเรือไปเกาะเต่า ทำ 2 agency ตีสามก็ไปรับฝรั่งที่รถไฟ แล้วก็พาขึ้นรถตู้ ไม่ก็ซื้อที่ผมได้เลย
- ตอนนี้เค้า book online มา
ผมเป็น agency ค่า commission ฝรั่งหัวละร้อย คนไทยห้าสิบ - มีปูดำ ปูทองหลาง ในน้ำกร่อย น้ำจืด ตัวใหญ่เป็นกิโลก็มี ตัวละหลายร้อย
- ปีนึงจะตกกุ้งกันได้ช่วงนี้ เพราะกุ้งจะมาผสมพันธุ์กันที่น้ำกร่อย มันจะเดินขึ้นมาเรื่อยๆ (แนวดินริมตลิ่ง) ลูกไปโตที่ต้นน้ำ วงจรชีวิตคล้ายๆ แซลม่อน
- ถ้าน้ำใส วันนึงได้กุ้ง 30–40kg
- เดือนหน้าจะมีลมว่าว ทะเลเริ่มคลื่นใหญ่ เข้าหน้าหนาว ชาวประมงจะจอดเรือแล้วก็ทำอาชีพอื่นไปตามเรื่อง
- ตกกุ้งแม่น้ำ น้ำใสก็ดำกุ้ง แล้วก็ไปรับฝรั่ง แล้วก็ออกมาทำงาน ลูกชายเรียน ep ทั้งสองคน แม่บ้านเค้าเก่ง ตัวเองไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
- กระชังปลาเริ่มขาดทุน ระบบนิเวศไม่ดี ก็เลิกๆ กันไป
- ตอนพายุเกเข้า เรียกได้ว่าราบเป็นหน้ากอง
- ที่เรากำลังสัมผัสอยู่คือ ลมบ่ายตะวันออก คล้ายๆ ลมว่าว แต่เบากว่า
- ถ้าหมดกระชังก็ไม่มีอะไรดูแล้ว
- สะพานท่ายาง ข้ามแม่น้ำท่าตะเภา
- เจอตัวแลน (ตัวเงินตัวทอง) ระยะประชิด กลางแม่น้ำ
- ท่าเรือลมพระยา เป็นเรือไปเกาะเต่า
- เรือปล่อยจมหลายสิบลำ เพราะเรื่องของแรงงานผิด กม. แล้วก็นายกประยุทธ์เรื่องเรือตังเก เอารถแม็คโครมาจมเรือแล้วก็เลิกกิจการ น่าจะเอาเครื่องยนต์ถอดออกมาขาย (มีคนไปนั่งตกปลาบนเรือที่เอียงไปครึ่งนึงด้วย)
- เมื่อก่อนมีเรือน้ำมันมาจอด แต่เลิกใช้ 3–4 ปีมาแล้ว
- การทอดแหสุ่มกุ้ง คือมันใกล้ทะเล กุ้งมันเดินจากน้ำทะเลมา ทอดเป็นร้อยๆ ที แล้วก็ได้ขึ้นมา คนนี้เคยตกหลังคา นอนอยู่หลายปี ตอนนี้กลับมาทำงานได้แล้ว
- เรือแดงๆ กับที่จมๆ คือเรือเขมร พม่า ที่เข้ามาน่านน้ำไทยก็โดนจับ แต่เราเลี้ยงดีนะ ถ้าไปเขมรคือโหด พอจับได้ก็จะฉาบปูนใต้ท้องเรือ
- คนเรือช่วยกันเก็บขยะ (ขวดพลาสติก) เอาไปขาย
- คนประมงเองนั่นแหละที่โยนพลาสติกลงน้ำ กินเสร็จก็โยนทิ้ง (เห็นเต็มตา)
- นั่งเรือกลับมาแถวเจ้าแม่กวนอิมอีกครั้ง (ทางน้ำ) เริ่มได้กลิ่นของทะเล มีเรือประมงเยอะขึ้น
ตัดเข้าสู่ช่วงพักกลางวัน
สถานที่สี่: Panel Discussion ณ Homestay รับลม ชมคลอง
ทีมชุมพร
- คุณโจ๊ก ไกด์ทัวร์
- คุณคม วิลล่าวาริช
- คุณอุ้ม ประมง ทรัพยากร
- คุณเบียร์ ธนาคารปู
- คุณจ๋า รับลมชมคลอง
จังหวัดใกล้เคียง
- คุณปอ สวนบ้านแม่ สวนมังคุด organic
กทม.
- คุณกู๊ด สยามร้าย siamrise
เชียงราย
- คุณเปิ้ล ไร่รื่นรมย์
Moderator
- คุณโบ สกุลทิพย์ B-Corp
ช่วยวาด mindmap
- คุณจ่อย เชียงใหม่
มารู้จักกับ SE กันก่อน
รูปแบบของ SE
- สร้างสังคม มีประโยชน์ ความยั่งยืน
- คุณประกิด บ้านหลวงราชไมตรี จันทบุรี
- คุณไผ่ localalike
- PTTEP
- อาข่าอาม่า ทำเกี่ยวกับกาแฟ
- ดอยตุง กาแฟ แมคาเดเมีย
อะไรที่ทำให้เป็น SE?: ผลกำไรคืนสู่สังคม สู่ชุมชน
ทำไม SE ถึงเจ๊ง?
- การบริหารจัดการ
- ระบบภายใน เงินทุนหมุนเวียน รายได้ ความยั่งยืน
- การสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน/สังคม การสร้างความไว้วางใจ
หลักสำคัญของ SE
- เราจะช่วยเหลือเขา ให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้
- สร้างกระบวนการ ศักยภาพให้เขายืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง
- การสร้าง partnership กับชุมชน/สังคม
องค์ประกอบสำคัญของ SE
- Social impact
- Innovation/Model
- Financial sustainability
ถ้าเราตั้งใจทำดี แต่มีผลเชิงลบออกมาหรือเปล่า ภาพรวมเป็นแบบไหน เพราะไม่มีอะไรบวกหรือลบทั้งหมด
ทำให้เรื่องธุรกิจและสังคมอยู่ด้วยกันได้ยังไง มี 2 รูปแบบ อย่าง PTTEP เป็นแบบไม่ปันผลเลย คือมีธุรกิจหลักทำเงินอยู่แล้ว
ถ้าต้องการแก้ปัญหาที่ยากและซับซ้อน จะใช้วิธีคิดแบบเดิมไม่ได้ เช่น ดอยตุง เลิกปลูกฝิ่น ปลูกอย่างอื่นแทนการเอาตำรวจไปไล่จับ
SE เป็นลูกผสมระหว่าง ความสามารถในการทำธุรกิจ และการให้ประโยชน์แก่สังคม (ซึ่งไม่ใช่ NGO ที่ขอเงินบริจาคมาทำ)
The global goals 17 ข้อ เป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
Business model ของ SE
1. เก็บเงินกับผู้ใช้บริการ
- เจาะที่ bottom of pyramid คือคนไม่ค่อยมีเงิน เก็บเงินได้น้อยจะอยู่ได้ยังไง
- 40% ของคนทั่วโลกไม่มีห้องน้ำเข้า (3,000 M คน)
ทุกๆ 15 sec จะมีเด็กเสียชีวิตจากสุขภาวะที่ไม่ดี
ถุงห้องน้ำมาจากสวีเดน ทำถุง bio กางถุงบนถ้วยโค้กแล้วก็เข้าห้องน้ำ พอถ่ายเสร็จ ก็เอาไปคืนจุดทำปุ๋ย (ไอเดียมาสมัย ww1)
pee poo girl
แก้ปัญหาระยะยาว และส่งเสริมรายได้ให้ชุมชน
อยากช่วยคนยากจน ราคาไม่สูง แต่ผลิตได้ 12M ต่อเดือน เก็บแค่สตางค์เดียวก็พอแล้ว
ถ้าอยากขายคนรวยทำยังไง? เดินป่า น้ำท่วม
- ระบบชลประทานขาถีบ เกิดจาก innovator บริษัทนึงแล้วก็ไปขยายผลต่อในชุมชน อันนึงราคาหลักพัน ลูกค้าคือเกษตรกร 800 ล้านคนทั่วโลก
พอ maintain น้ำก็ทำให้ผลิตผลดีขึ้น - grameen bank คนจนเข้าธนาคารไม่ได้ เพราะระบบหลักประกัน
คนจนไม่ได้แปลว่าคนไม่ซื่อสัตย์ แค่ต้องการโอกาสในการเข้าถึงเงินทุนและกลับมาคืนเท่านั้นเอง
อัตราหนี้เสียต่ำกว่าธนาคารทั่วไป
พนักงานมีหน้าที่ปล่อยเงินกู้ แล้วเดินตามชุมชน เอาเงินไปแล้ว ติดปัญหาอะไรไหม ให้ช่วยเหลืออะไรไหม ขยายไปหลายสาขา ปล่อยเงินไปกว่า 200,000M THB
คนจนเอาเงินไปแล้ว มีความสามารถเอาเงินมาคืนไหม
ต้องทำให้เศรษฐกิจดีด้วย ก็ partner กับ danone (yoghurt) นมวัว คนเลี้ยงวัว
uniqlo ก็มี พนง. ในบังคลาเทศ 11 สาขา
dtac ก็ไปทำร่วมกัน ก่อให้เกิด online transaction - food waste
ในอังกฤษจะมี homeless ร้านเปิดขึ้นมาเพื่อขาย homeless ราคาถูกมาก
ไปหาวัตถุดิบที่กำลังจะเสียในระบบ ตัดตอนอาหารที่กำลังจะเสียแล้วมาผลิตเป็นอาหารให้คนจน
800 ล้านกว่ามื้อ
คนจนได้รับความช่วยเหลือ สิ่งแวดล้อมได้รับการฟื้นฟู
ไป partner กับ tesco เรียกว่า fareshare
2. robin hood ปล้นคนรวยมาช่วยคนจน
ร้านอาหาร อ.มีชัย ส่งเงินไปที่ รร ไม้ไผ่ เรียนฟรี แต่เด็กต้องช่วยทำงาน
3. cross compensation ทำสินค้า/บริการหนึ่งอัน คนจนจ่ายไม่ได้ ให้คนอื่นจ่ายแทน
- lifestraw อุปกรณ์กรองน้ำพกพา ราคา 60–70 บาท เครื่องใหญ่ขายแพง ส่วนอันนี้เกือบเท่าราคาผลิต
สามารถขยายธุรกิจกับพวกนักเดินป่า - wingle ที่ Japan เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่โตเกียวแล้ว
เก็บเงินคนพิการ 10% เก็บรัฐ 90%
รัฐเก็บเอกชนที่จ้างไม่ได้
เอกชนต้องจ้างอย่างน้อย 6 เดือน ถ้าครบก็มาชาร์จเงินรัฐบาลได้เลย
บ้านเรายังไม่มีกองทุนที่มาใช้ได้ - VidaGas
สถานีอนามัยอยู่ไกลมากๆ เดินกลับมาแล้ววัคซีนเสีย
ตั้งบริษัทแก๊ส กระจายทั่วโมซัมบิ
ให้สถานีอนามัย แต่ชาร์จเงินจากกลุ่มอื่น - all for one
ซื้อของเล่น 1 ชิ้น แล้วอีกชิ้นให้น้องด้อยโอกาส
4. สอนให้จับปลาให้เป็น อบรมการสร้างงาน สร้างความสามารถ
- Greyston bakery
เราไม่ได้จ้างคนมาอบบราว์นี่ เราทำบราว์นี่เพราะอยากจ้างคน
ไป partner กับ ben and jerry ทำไอติมสูตรบราว์นี่
5. โมเดลสหกรณ์ กลุ่มผู้ด้อยโอกาสมาร่วมเป็นเจ้าของ
- ทำสูตรที่ดีในการสร้าง chocolate
the body shop รับซื้อ
เกิดแบรนด์ divine chocolate
45% ให้ farmer
body shop ไม่ได้เงินลดลง เพราะว่ามันอร่อย + ได้ซื้อของชาวนา
กำลังเข้าไทย - able กลุ่มคนพิการสติปัญญา
ability yo change ของ central retail corp
เช่น อายุ 40 ปี สมอง 5 ขวบ
พ่อแม่ไม่สามารถตายได้อย่างสงบ กลัวตายก่อนลูก
ไม่มีคนจ้างคนกลุ่มนี้ เลยรวมกลุ่มสร้างของเช่น ทำเสื้อ
น้องๆ กลุ่มนี้สามารถทำอะไรซ้ำๆ ได้
มีเงินเดือน สามารถแยกตัวออกจากการจ่ายเงินให้สมาคมได้
6. ตัวกลาง จ้างงานให้เค้า
- supply chain สามารถส่งเสริมชุมชนได้หรือไม่อย่างไร
- เศษผ้าเอามาทำผ้าเช็ดเท้า → กระเป๋า
rags2riches เอาขยะมาทำให้เกิดมูลค่ามากขึ้น
7. platform — market connector
- socialgiver ทำงานระหว่างแบรนด์ใหญ่ กับชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือ ลูกค้าให้เงิน บริษัทให้ของ เงินไปที่ NGO ที่อยากจะช่วย
- kiva ระบบธนาคาร ปล่อยเงินกู้โดยที่คนไม่ต้องเจอหน้ากัน กู้เสร็จแล้วต้องคืนเงิน ไม่มีดอกเบี้ย
อยากทำโครงการอะไร งบเท่าไหร่ หาคนที่น่าเชื่อถือมาเขียน recommend ให้
ทำให้คนกล้าโยนเงินไปให้น้องทำงานเพื่อสังคม
97.1% ได้เงินคืน
คนล้านกว่าคนเข้าถึงได้ใน 83 ประเทศ
SE ในไทย ผ่านกฎหมายได้แล้ว เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา localalike ก็เป็นหนึ่งใน 15 ทีมแรก แบ่งได้ 2 แบบคือ
- ไม่แบ่งปันผล รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคล เพราะเราช่วยสังคมอยู่แล้ว อาจจะไม่เหมาะกับการดึงดูดนักลงทุน
- มีส่วนแบ่ง นายทุนบริจาคแล้วได้เงินคืน โดยแบ่งปันผลไม่เกิน 30%
ยกตัวอย่างเช่น
- Thaibev
- PTT — cafe amazon บางสาขาเป็น SE (barista พิการด้านหู ใช้การสั่งผ่านจอ, trade กาแฟ)
- LPN ตั้งบริษัท outsource จ้างแม่บ้าน LPC เทรนแม่บ้านให้ทำได้มากกว่าคนทั่วไป เช่น ขับรถกอล์ฟ คุยภาษาอังกฤษได้ ถ้าจบจากการเป็นแม่บ้านจะมีอาชีพเสริม
- 15 บริษัทที่เป็น SE จดทะเบียนแล้ว
คุณจ๋า รับลมชมคลอง
แรงบันดาลใจคือ เกิดที่นี่ ไม่เคยเรียนที่นี่ มีเพื่อนเยอะ พอเพื่อนมาก็ชอบบรรยากาศ พ่อแม่อยากให้กลับมาดูแล ทำอาชีพของท่าน แต่ไม่อยากทำ อยากทำ homestay ก็เลยพาพ่อแม่ไป homestay อื่น แล้วกลับมาทำกัน เริ่มมาประมาณ 1 ปีแล้ว
คุณคม วิลล่าวาริช
เป็นวิศวกรอยู่ ตจว. แต่บ้านอยู่ที่นี่ บ้านอยู่ในป่าเลย อยากกลับบ้าน อยากทำธุรกิจ เป็นคนชอบเที่ยว ก็เลยทำโรงแรมที่พัก เป็นที่ท่องเที่ยวด้วย
3 ปีที่แล้ว มี 10 ห้องพัก อยู่ตรงชุมชนบางหมาก คนที่มาเที่ยวเป็นต่างชาติ 72% คนไทย 28% เขามาเที่ยว ไม่ได้มาพัก
ทั้งๆ ที่บ้านเราห่างจากใจกลางเมืองแค่ 4km แต่ไม่เคยมีนักท่องเที่ยวเลย
ไม่ถนัดการตลาดเลย ตอนสร้างคิดว่า ทำไรเนี่ย ไม่น่ารอด
ปีแรก คนแรกที่มาเป็นคนสวิส มาเที่ยว ไม่ได้มาพัก ก็ขายวิถีชาวบ้าน วิถีชุมชน ทำขนม ปลูกมะพร้าว ขึ้นมะพร้าว
โดยเมษายนปีหน้าจะเข้าปีที่สี่ และคิดว่าจะหยุดอยู่ที่ 14 ห้อง
ปีที่แล้วมีโรงแรมเพิ่มเป็นที่ๆ สอง เค้าจะทำหกห้อง — ไม่ได้จดรับรองโรงแรมเหมือนเรา
ตอนนี้หมู่บ้านเริ่มเป็นที่ๆ คนรู้จัก เมื่อก่อนชาวบ้านเป็นอาชีพเกษตรกร สวนปาล์ม มะพร้าว จากมะพร้าว 4–5 บาท ก็เริ่มจะได้ทิป จากการดูการขึ้นมะพร้าว
นักท่องเที่ยว เที่ยวด้วยตัวเอง กับชาวบ้านวิถีชีวิตเดิมๆ
“ต้นกล้าคืนถิ่น”
คุณโจ๊ก ไกด์ทัวร์
เป็น programmer สายโรงงาน จบ ComSci ขึ้นไปเรียน กทม. ตอน ป.6 ชีวิตเป็นคุณชาย พ่อแม่ทำงานส่งเรียน เรียนสายนี้แต่ไม่เคยชอบ แต่ก็ทนทำมาเกือบ 20 ปี เราจะรู้ตัวว่ามันไม่ใช่ตัวเรา พ่อแม่ค้าขายเป็นปกติ เวลาลงมาจะมีความสุข เพราะไม่ได้อยู่กับคอมฯ
เป็นคนชอบเที่ยวผ่านเว็บ เช่น youtube พอได้โบนัสก็แอบไป ไม่ได้บอกที่บ้าน เพราะเขาอยากให้เราเก็บเงิน ก็เลยมีแรงบันดาลใจเล็กๆ แล้วก็ลงมาคุยกับพ่อแม่ พ่อแม่ก็ค้าน ก็กลับไปทำงานอีก 6 เดือนแล้วลาออกเลย แล้วก็กลับลงมาเปิดบริษัทท่องเที่ยว เพื่อพิสูจน์ตัวเอง อะไรที่รับ agency รับหมด
แล้วก็มาเจอ คุณคม — จำได้ว่าเคยเจอกันตอนไป summer ตปท. ตอนที่ยังเรียน
มีลูกค้าจากคุณคม อยากไปเที่ยว ถ้ำลับล่อ ก็คิดว่าจะรอดไหม → อ่าน google, ใช้ gg translate นักท่องเที่ยวให้ทิปมาครึ่งนึงของ package เลย
ปัจจุบันใช้ช่องทางการเป็นบริษัทท่องเที่ยว search กลุ่มเพื่อนที่ทำโรงแรม
ไปเรียนมัคคุเทศน์ ทำบริการ support เพื่อนๆ
การได้ลงไปสัมผัสเอง เช่น การปลูกป่า มันว้าวมาก อยากทำช่องว่างตรงนี้ให้เด่นขึ้น
คุณเบียร์ ร้อยโปรเจ็ค
อดีตวิศวกร electronics กทม. ระยะยาวพอสมควร กลับมาบ้านเพราะ มีเรื่องกฎหมายประมงเข้ามา ทิ้งงาน กทม. และธุรกิจส่วนตัวมาช่วยพ่อที่ทำมา 40 ปี แต่ด้วย know how ของพ่อก็จะไม่ฟังเรา ก็เลยออกเดินทาง ไปทุกคานเรือที่ติดชายทะเล เพื่อหาข้อมูลมาโต้แย้งกับพ่อ บังเอิญเจอคนกำลังเลื่อยไม้ประดู่ แล้วฟินกับกลิ่นไม้
ไม้ที่ดีที่สุดในการทำเรือคือไม้ประดู่ (มีที่ภาคเหนือ)
พอดีกับที่เค้าหยุดทำประมง ขายเรือกัน ก็ซื้อมา เพื่อสร้าง know how แข่งกับพ่อ
พอมาทำทัวร์ ยังไม่รู้เลยว่า target คืออะไร แค่ชอบกลิ่นไม้ประดู่ เลยมาทำเรือ
ไปดูเรือใหญ่ๆ ที่เค้าไม่ใช้แล้ว จ้างแงะเอาที่ใช้ได้มาต่อเติมเรือ กลายเป็นไม้ประดู่ ไม้ตะเคียนทั้งลำ ปูหญ้าเทียมให้คนนอนดูดาวได้
ปีนี้เป็นปีที่สอง ได้ลูกค้าจากเพื่อนๆ เป็นธุรกิจเรือท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์
บ้านปลาซังเชือก ทำบนเรือแล้วหาจุดปล่อยเป็นที่อนุบาลสัตว์น้ำ
เพื่อนๆ บอกว่าเป็นเจ้าพ่อร้อยโปรเจค
น้องอุ้ม ธนาคารปู อายุ 23 ปี
จบ ป.6 เรียนราม ทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ทั้งสาวโรงงาน พนักงานห้าง ค้าขาย
ออกทะเลกับพ่อ 2 ปีที่แล้ว ปีแรกได้ปู ปีสอง (2561)ไม่ได้ปูเลย เพราะเราเอาทุกปูมา ก็เลยทำธนาคารปู ทำกับชาวบ้านที่ทำอาชีพแบบเดียวกัน
ทุกวันนี้ชาวประมงได้ปู 15–30kg ต่อวัน โลละ 200 สำหรับขายส่ง
ชาวประมงอยู่ได้ด้วยการจับปู ท่องเที่ยวได้นิดๆ หน่อยๆ เช่น ปล่อยลูกปู
ถ้านักท่องเที่ยวมาก็ดี ไม่มาก็ปล่อยเองอยู่แล้ว เพิ่มการเลี้ยงหมึกไข่เพิ่ม
ทำเพื่ออาชีพเราเอง ทำมา 7–8 เดือน จากที่จับปูได้ 1 ตัว ตอนนี้ได้ 15kg ขั้นต่ำ มีชาวประมงเข้ามา 45 คน
ไอเดียนี้มาจากบ้านป้าที่เพชรบุรี ใกล้ธนาคารปูแค่ 1km ก็ไปดูงาน พอคิดปุ๊บก็ทำเลย หนูเลี้ยง พ่อรวมพล ไข่สีนี้ ใช้เวลากี่วันก่อนจะฟัก จดเอา
อวนจมปู — กม. เข้มงวด
ทำแล้ว เราต้องปกป้องด้วย ไม่งั้นมันจะหมดไป ลอบปูที่เคยมีปัญหา เข้ามารวมกับเราหมดแล้ว มีการแบ่งเขตกัน
อาศัยทำให้เค้าเห็น เค้ายอมเปลี่ยนเครื่องมือ เพื่อเข้าชมรม จะได้อนุรักษ์ และเห็นผล
ปูราคาถูกลง แต่ครอบครัวอยู่ได้ ถ้ามันแพงอีกนิด ก็มีเงินเก็บ จับปูได้มากขึ้น ยุติเรื่องรบรา เป็นชาวประมงที่แข็งแกร่งขึ้นมา
คุณเปิ้ล ไร่รื่นรมย์ เชียงราย
จบนิเทศ เรียนแล้วรู้สึกไม่ใช่ตัวเอง ค้นหาตัวเอง เห็นปัญหา อยากทำงานกับธรรมชาติ พัฒนาชุมชน ไปเรียนรู้อยู่ 1 ปี ไปสอนชาวบ้าน ไม่มีคนเชื่อ ก็เลยเปลี่ยน model คือไปทำเองที่เชียงราย
ย้านจาก กทม. ไปเชียงรายเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
สอนคนทำเกษตรอินทรีย์
แล้วพบว่าจริงๆ เค้าทำเป็น แต่ไม่มีตลาด ก็เลยทำศูนย์เรียนรู้ ทำ cafe เอาวัตถุดิบมาทำเป็นรูปแบบต่างๆ มีกิจกรรมระยะสั้น หรือเรียนรู้เฉพาะเจาะจง
อยากพัฒนาชุมชน อยากเห็นระบบนิเวศของไทยกลับมายั่งยืน
“สมัยก่อนนะ…” คนเก่าแก่จะพูดแบบนี้ แต่เราไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ
พม่าปัจจุบันคือไทย 30 ปีที่แล้ว
เราอยากฟื้นฟูให้กลับมา เพื่อคนรุ่นหลัง
อย่างมาที่นี่ เราไม่เคยเห็นคุณค่าของ seafood ต้องใช้คนเท่าไหร่ คนที่พยายามอนุรักษ์เพื่อการกินของคนอื่น
คุณปอ สวนบ้านแม่
สวนบ้านแม่ กลับมาเพราะ ที่บ้าน
ไม่ได้ตั้งใจจะขายผลไม้ มีสวน มีบ้าน มีแม่ = “สวนบ้านแม่” ก็เลยกลับ ไม่ได้คิดอะไร
เจอสวนรกร้าง เจอบ้านเก่าๆ เจอแม่ที่อยู่
Background เป็นนักออกแบบ ที่ กทม. คิดว่าน่าจะกลับมา เอาวิชาชีพมาหารายได้ใกล้ๆ ขายผลไม้ในสวนด้วยระบบปกติ
พอกลับไปจริงๆ ก็พบว่าเกษตรกรไม่ได้มีรายได้เพียงพอ ไม่มีความสุขจะทำสวน เพราะโดนตัดตอนด้วยการตลาดที่เอาเปรียบเกษตรกรมากไป ก็เลยคิดว่า เราน่าจะหัดทำสวน + ความรู้ในการออกแบบ + ทำขนมของแม่
สร้างแบรนด์ โดยใช้วิถีชีวิตเป็นตัวกำหนด มีความสุขตรงไหน สวนควรไปในทิศทางไหนให้มันเป็นธรรมชาติที่สุด
เริ่มจากพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ ก็เลยลองส่งเองผ่าน ปณ. ให้ญาติก่อน
เจ็บตัวไม่เป็นไร เจ็บใจไม่ได้ ก็พบว่าธุรกิจมันเป็นไปได้
ทำให้เรารู้ว่า สีของมังคุด: เขียว เขียวอมชมพู แดง แดงเข้ม ดำ
แม่ก็คำนวณระยะเวลา ผมเก็บมังคุด แล้วก็ส่ง กลายเป็นธุรกิจที่เราซื่อสัตย์กับคนกิน คนกินก็มีความเชื่อใจ สร้างให้เกิดความเชื่อมโยงของชุมชน
ไปบอกแล้วไม่เชื่อ เพราะเราเป็นเด็ก ก็เลยทิ้งงานออกแบบไปสองปี แล้วไปทำสวน
ตอนนี้สี่ปีแล้ว ธุรกิจในพังงา เริ่มออนไลน์เยอะขึ้น เริ่มรู้คุณค่าของสวนพ่อแม่ตัวเอง เห็นคุณค่ามังคุด และเริ่มทำธุรกิจขึ้นมา เห็นคุณค่าสิ่งที่มี
การสร้างไม่ได้ยาก เริ่มแบ่ง % ให้พ่อค้าคนกลาง และขายเอง
ตอนนี้ 25 ตัน ขายออนไลน์หมดเลย
คุณกู๊ด SiamRise
background ทำงานโรงแรม อยู่ กทม. ก็จะเจอคำถามว่า มาเมืองไทย ไปเที่ยวที่ไหน ก็ตอบคล้ายๆ กัน กทม. เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ เลยสงสัยว่าทำไมไม่เที่ยวที่อื่นบ้าง
คุยกับแฟนว่าเปิดธุรกิจกันไหม siam rise travel ทำทัวร์อะไรดี สุดท้ายก็มาจบที่การท่องเที่ยวโดยชุมชน สร้างประโยชน์ให้คนอื่น
เริ่มศึกษาการทำงาน ตั้งแต่ต้นทาง ถึงปลายทาง
อยากสร้างแสงสว่างให้คน ทำมา 5 ปีแล้ว มีหลายพื้นที่ ทำที่ กทม. และปริมณฑลเป็นหลัก พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ ทำงานกับชุมชนที่ให้บริการ homestay
พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะไม่ค่อยนอน homestay หรืออาจนอน 1 คืน เพราะเรื่อง ความสะดวกสบาย
การที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไป ส่งผลกับคนในชุมชน
คุณจ๋า
เริ่มเดินตามซอกซอยทั้งหมด รู้สึกว่ามีเสน่ห์ แต่ถ้าไม่มีใครเข้ามา อีกหน่อยมันจะเป็นสลัม เพราะเป็นชุมชนประมง พอเราทำตรงนี้ ก็เอาเพื่อนบ้านโดยรอบมาเริ่มด้วยกันก่อน แต่จะเปลี่ยนสิ่งที่เคยทำสิบปีมันยาก ก็เริ่มจากเราก่อน พอมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ชาวบ้านก็จะปรับกันเอง เช่น ร้านข้าวจะเปิดตลอด มีร้านกาแฟเปิดใหม่ เวลาที่นักท่องเที่ยวทุกคนเดินออกไปเดินรอบๆ กลับมาที่พักความคิดจะเปลี่ยนเลยนะ เช่น การปล่อยปู แม้จะร้อนก็ตาม การล่องเรือออกไปเที่ยวในชุมชน เราเองก็ช่วยทำเมนูภาษาอังกฤษให้ร้านค้าเพื่อง่ายต่อการสื่อสาร ช่วยเหลือกัน
คุณคม
จริงๆ คือคำว่า sustainable อยากทำอะไร แล้วทำทีเดียว เป็นคนขี้เกียจ ที่ทำแล้วอยากยั่งยืน
เมื่อก่อนปลูกไม้เพื่อเป็น furniture ปลูกสิบไร่ สิบปี ตัดได้ทีนึง (ฝันว่า 500K บาทต่อเดือน) แต่โดน disrupt ด้วยราคายางพารา จาก kg ละ 200 เหลือ 3kg 100 ชาวสวนตัดไม้ยางมาขาย furniture เลยเปลี่ยนแผนทำที่พัก
สิ่งที่ทำให้ sustainable ที่สุดคือ ชุมชน ทำยังไงไม่ให้มีใครมาตีเราได้
คนมาเที่ยว ไม่มีที่พัก การมาอยู่ในชุมชนคือการได้สัมผัสวิถีชีวิต
จากป้าที่ทำขนมส่งตลาดกล่องละ 8 บาท → นักท่องเที่ยวเข้ามา ก็ขายได้มากขึ้น
ตอนนี้ปลูกไม้มา 8 ปีแล้ว อีกสองปีจะตัดได้ละ
การคุยกับพ่อแม่ก็ปัญหาใหญ่เหมือนกัน ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเค้า มันคือการอยู่ร่วมกันของที่พักที่เราทำกับชุมชน
คุณโจ๊ก
ชุมพรไม่ควรเป็นแค่ทางผ่าน
วิถีชีวิต ภูมิปัญญาชาวบ้านไม่ใช่สิ่งที่เห็นแล้วทำได้ เช่นการทำปลาเค็ม
จับกลุ่ม ค้นหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่กับ เบียร์ จ๋า บางแห่งไปแล้วว้าว แต่บางแห่งก็ไม่ ต้องการแรงสนับสนุน
สร้าง local experience จากการลงมือทำ เช่นการนอน homestay ดูวิถีประมง คนมาพักนานขึ้น
ปัญหาคือ เราต้องค้นหากันเอง เพราะมันไม่ใช่แกนหลักของชุมพร ต้องใช้แรงใจแรงกายพอสมควร ไม่มีแรงสนับสนุนอะไร ต้องบิ้วท์เอง บางครั้งก็พาไปฟรี
คุณเบียร์
ทำธุรกิจเรือทัวร์โดยไม่รู้อะไรเลย แค่สนอง need แต่มีเรืออย่างเดียวมันไม่พอ ต่อให้คนรู้จักเรือ ก็ไม่เกิดอะไร
ที่นี่ใช้เรือข้ามฟาก 20 บาท ถ้าพานักท่องเที่ยวเข้ามาล่องไปตามคลองได้ 200 แต่ก็ต้องมีข้อตกลงระหว่างกัน
มีส่วนร่วมมากขึ้น เวลาทำอะไรก็ได้รับความร่วมมือมากขึ้น
กิจกรรมเก็บขยะทุกเสาร์ที่สองของเดือน ได้ไอเดียจากแพปลาฝั่งตรงข้าม พี่เค้าแนะนำมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ชวนคนที่มีเรือ มาตักขยะในคลองกัน ได้เที่ยวและได้ทำเพื่อสังคม การมาตักขยะ ก็ทำให้ลดการใช้ขยะ
แพปลาต้นแบบ จะซื้อถุงผ้าให้ลูกน้องชาวประมงใช้แทนถุงพลาสติก ถ้าแจกถุงผ้าแล้ว ห้ามเอาถุงพลาสติกเข้าแพ
การทิ้งขยะลดลงจากความร่วมมือในชุมชน
น้องอุ้ม
ทำตอนแรกไม่เวิร์คเลย บ้านติดคลอง พ่อเจียดพื้นที่นึงมาทำธนาคารปู ฝั่งตรงข้ามบอกว่าสร้างภาพ ก็เลยขยายพื้นที่เลย ไม้ทุกแผ่นที่เหยียบมาจากไม้ลอยน้ำ เรือที่ไม่เอาแล้ว หลังคาจากทุกตับปู่ร้อยเอง พ่อตอกตะปูทุกอัน ไม่ใช่เราที่แกร่ง ทุกคนก็แกร่ง เราต้องยืดหยัดว่าเราทำตรงนี้เพื่ออะไร เมื่อก่อนเดินตรงนี้ไม่ได้เลยนะ โดนด่า เครื่องมือผิด ไปบอก จนท. ก็โดนชาวบ้านด่า
แต่ตอนนี้ไม่โดนแล้ว 45 ลำเป็นสมาชิก ที่เหลือยัง 50/50 แต่ก็เอาปูมาฝากให้
เราก็เรียกชาวบ้านมาคุยกัน แบ่งพื้นที่ชัดเจน
ตอนแรกๆ ก็ทะเลาะกันก็ยิ่งใหญ่
ให้ระยะเวลาในการเปลี่ยน เมื่อเขารู้สึกว่ามีปูเยอะขึ้น เขาก็จะเข้าใจสิ่งที่เราทำ
คุณเปิ้ล
ถ้าบอกให้คนอื่นทำ จะไม่ทำ อย่าไปคิดว่าทำได้ไม่ได้ ให้เริ่มที่ตัวเองก่อน ก่อนจะบอกใครให้ทำ
7 เดือนเห็นผลในชุมพรนี่ถือว่าเร็วมาก
คุณกู๊ด
การสร้างสมดุลของความคาดหวัง เรื่องของ demand supply ว่าจะเจอกันตรงไหน
นักท่องเที่ยวมาพร้อมความคาดหวัง ชุมชนถ้าพูดคุยกันเยอะๆ ปรับเปลี่ยนได้ ก็จะตอบโจทย์ balance ความคาดหวัง
นักท่องเที่ยวเสาะหามากขึ้น ก็น่าจะเจอสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น
บางกระเจ้า นักท่องเที่ยวเกินพื้นที่สีเขียวที่จะรับได้แล้ว
เป็นสวนผลไม้นานาพันธุ์ และยกร่องกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ภูมิพลัง ปัญญา สามัคคี + (สะพาน)ภูมิพล1–2 คลองลัดโพธิ์ (อันนี้ก็งงๆ หน่อย)
ชุมชนที่ถูกส่งเสริมให้ทำการท่องเที่ยว จะไปต่อกันยังไง ถ้ามีคนรุ่นใหม่มาช่วยกันทำ ก็น่าจะไปได้ไกลขึ้น — คุณไผ่ localalike
SE มันต่อจาก CSR มานิดนึง แก้ปัญหาโดยการทำธุรกิจ เราต้องชัดเจนก่อนว่าจะแก้ปัญหาอะไร ทำ ecosystem ร่วมกัน และใช้ IT platform เข้ามาช่วย — อ.ชัยยศ
จากนั้นก็แยกย้ายสองส่วนคือ คนที่ไปมื้อเย็นกับ Chef’s table กับคนที่ไปเดินตลาดโต้รุ่งของชุมพร ซึ่งเราว่ามันควรเรียกว่าตลาดผัดไท หอยทอด มากกว่า มีอยู่เกินห้าร้านอ่ะ ซึ่งเราก็เลือกร้านที่คนต่อแถวเยอะสุด (คิดเอาเองว่าอร่อย) พร้อมทั้งชิมปาท่องโก๋จิ๋วทอดกรอบ และขนมครก โดยเจ้าภาพผัดไทมื้อนี้คือพี่เกษม //ไหว้ย่อ//
จากนั้นก็เข้าที่พัก เพื่อพักผ่อน เตรียมลุยต่อในวันพรุ่งนี้
ตัดภาพมาที่เรา: นั่งเขียน Blog มาเกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว ขนาดว่าจดเนื้อหาในมือถือมาแล้วนะ -o-
ปล. เนื่องจากเนื้อหาเยอะมากๆ ใครอ่านจบได้นี่ขอคารวะ
ปล2. ถ้าเจอคำสะกดผิด แจ้งมาได้เลยนะคะ