สรุปเนื้อหา Creative Talk Action 2019: Empower Your Business with Influencer
- สอนโดยพี่ปู Suvita Charanwong CEO & Co-Founder, Tellscore
- ได้รับโอกาสให้มาเข้าเรียนโดยพี่ยุ้ย Suchada Pitakchockchai /ขอบคุณค้าบ
งานนี้เป็นงานที่เริ่มกันเรียกได้ว่าเกือบตรงเวลา คือจริงๆ ก็เริ่มก่อนนิดหน่อย โดยพี่ปูเริ่มแนะนำตัวเองว่าทำอะไรมา TellScore คืออะไร เราทำอะไร ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับที่ไหนบ้าง แนวทางการทำงานของบริษัทเป็นอย่างไร พี่ปูบอกว่า เราอยากเป็นส่วนหนึ่งในบทบาทเครือข่ายของสื่อสร้างสรรค์ อยากจะรับงานที่ทำฝั่ง CSR ให้ได้มากที่ 30% ของงานทั้งหมด
The Evolution of influencer marketing
- 2010 The PR Influencer เรื่องของการให้ผู้เชี่ยวชาญ เซเลบ นักกีฬาในการช่วยพูดถึงเกี่ยวกับแบรนด์
- 2012 Early Influencer Marketing คนดังเริ่มเข้ามามีบทบาท Brand เริ่มสร้าง Branded Content มากขึ้น เซเลบเอาไปแชร์แล้วก็พบว่ามันขายของได้ดีขึ้น
- 2014 Influencer Marketing 1.0 ดาราหรือคนมีชื่อเสียงเริ่มเข้ามาในโลกออนไลน์มากขึ้น รวมถึงคนที่เป็น noname อย่างเช่นเจี๊ยบเลียบด่วนก็เข้ามา เริ่มมีการวัดผลเบื้องต้นแล้วเช่น จำนวน Follower หรือจำนวนของ Content
- 2016 Influencer Marketing 2.0 เริ่มมีการทำกันเยอะมากขึ้นแต่ยังไม่ได้สเกล
- 2018 Influencer Marketing 3.0 มีการทำ Optimization & ROI มีการทำ A/B Testing เพิ่มขึ้นมา เริ่มมีการทำ Automation
- 2020 Influencer Marketing 4.0 จะเป็นยุคของการสเกล การวัดผลได้อย่างละเอียดและ Advance มากขึ้นไปอีก
รู้หรือไม่?
- danielwellington เป็นแบรนด์ที่เริ่มการใช้ Influencer marketing เป็นเจ้าแรกๆ แล้วปังมาตลอดๆ
- โดยปีแรกที่เค้าเริ่มทำคือ 2011 อยู่ในช่วงระหว่าง PR และ Early Influencer
- กล้าที่จะใช้ hashtag แจกของฟรี ไม่กลัวที่จะขายของในโพสต์
- มี theme, moment ที่เป็น emotional
- มี message ที่หนักแน่น มั่นคง ผ่านภาพที่สวยและมี call to action อยากได้ก็ไปซื้อเลย ไม่ต้องอายว่าตัวเองขายของ
Why Influencer Marketing Automation
ทำงานดี คุณภาพใช่ จ้างได้ทีละเยอะๆ
หลังจากที่ได้พูดคุยกับทั้งฝั่งของแบรนด์และคนที่เป็น influencer แล้วพบว่ามี 3 ปัญหาหลักคือ
- เราใช้แรงงานเยอะในการทำงาน แบรนด์ต้องเสียเวลาในการดีลงาน มีเงื่อนไขเยอะแยะไปหมด
- การทำให้เป็นอัตโนมัติช่วยให้นักการตลาดสามารถวัดผลด้วยข้อมูลแทนการ Search และไถเข้าไปใน Social Media แล้วเก็บข้อมูลทีละโพสต์
- รวมถึงทำให้ทั้งสองฝ่ายได้ให้ความสำคัญกับการสร้างเนื้อหามากกว่าการต้องมาสนใจเรื่องยิบย่อยอื่นๆ เช่น การจ่ายเงินไม่ครบ การทำเอกสารการรับเงิน Credit Term เป็นต้น
เราจึงต้องหา Solution เพื่อมาตอบโจทย์ 5 ข้อต่อไปนี้
- การหา Influencer ที่ต้องการ
- การจ้าง Influencer จะจ่ายเท่าไหร่ ด้วย SOW ยังไง Timeline ตอนไหน
- การบริหารจัดการแคมเปญ ที่มี Detail ยิบย่อยอยู่ในนั้น
- การจ่ายเงินให้กับ Influencer ที่ทำงานให้เรา
- การวัดผลการทำงานของ Influencer ผ่านข้อมูล
ความสำคัญของ Influencer Marketing
หลายคนคงเคยเห็นภาพ Marketing Funnel อยู่แล้ว สั้นๆ เลยก็คือ Influencer จะช่วยให้บีบผู้บริโภคลงไปในกรวยได้เร็วขึ้น บางครั้งจาก Awareness สามารถไป Buy ได้เลย แล้วก็ลดเรื่องของ Ad Fraud ที่เราไม่ได้ Spend เงินร้อยแล้วได้ร้อย แต่ได้แค่ประมาณหกสิบเท่านั้น
และไม่ใช่ว่าเราจะทำสิ่งนี้อย่างเดียวแล้วประสบความสำเร็จ เพราะ Digital Touchpoint บนโลกออนไลน์ตอนนี้มันมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น
- Content Strategy
- Social Media
- Messaging Tool
- Website
- Mobile Application
- Listening Tool
- Ads ต่างๆ
การจะประสบความสำเร็จได้คือต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง และมีแผนการที่ดีนั่นเอง
สุขภาพของแบรนด์ขึ้นอยู่กับความเห็นของผู้บริโภค
- 80 เปอร์เซ็นต์ผู้บริโภคส่วนใหญ่เชื่อเพื่อนหรือผู้มีอิทธิพลทางความคิดแม้รู้ว่าเป็นโฆษณา
- สำหรับ Micro influencer หากบอกว่ารับสินค้ามารีวิวจะได้รับ Engagement สูงขึ้น (ต่างกับดาวค้างฟ้า ที่จะได้รับต่ำลง)
- เป็นความรู้สึกว่าแบรนด์เห็นความสำคัญของ User
- สิ่งที่ทำออกมาอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกชิ้นแต่มันคือการสร้าง Content ไว้เป็น Digital footprint สามารถใช้ Social Listening เก็บมาได้
ประเภทของ Influencer
พี่ปูแบ่งออกมาเป็น 3 แบบหลักคือ
- Socio types
- Follower size
- Areas of influence
จาก Stat ของ agorapulse พบว่า ยิ่ง Influencer ตัวเล็ก ก็จะยิ่งได้ Reach มาก ยิ่งดัง Reach ยิ่งน้อย (Facebook ย่อมไม่ฆ่า Subscriber ที่อยู่ใน Platform ของตัวเอง)
วิธีการคัดเลือก Influencer ให้เหมาะกับแบรนด์สินค้า
- Content น่าสนใจ สร้างสรรค์ มีทิศทางชัดเจน มีความสม่ำเสมอ ไม่ลอกใคร
- ผู้ติดตามมีคุณภาพ ไม่ใช่บอทหรือซื้อมา
- มีความรับผิดชอบในความคิดเห็นตนเอง ไม่ยั่วยุ ปลุกปั่น หรือกระจายข่าวลวง
จากนั้นก็มีการโชว์ตัวอย่าง Influencer ในแต่ละแนวให้พวกเราได้ทำความรู้จัก
//ชอบที่พอจบบทเรียนสั้นๆ ก็จะมี Workshop เล็กๆ ให้ช่วยกันคิดและ Discuss ในกลุ่มที่ตัวเองนั่ง//
Influencer Marketing Strategy
- กลยุทธ์ช่วงเวลา จำนวนผู้ติดตาม เป็นตัวกำหนดผลลัพธ์
- กลยุทธ์กองทัพมด
- อย่าลืม Call to Action
คนที่เป็น Mass คนจะได้รับ Entertainment Value ส่วน Micro คนจะได้รับ Consumption Value
รูปแบบของ Content ที่ปล่อยออกมาก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Sale (Live แล้วจดออเดอร์กันรัวๆ) หรือ Story ขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์เรามี Product อะไร Objective แบบไหน และเลือก Influencer ที่ถนัดผลิต Content แบบใด
ทริคเพิ่มเติม
เป็นที่รู้กันว่าคนสมัยนี้ไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆ เวลาที่เราเห็นโฆษณาหรืออะไรเราก็จะไปเสิร์ชหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน พี่ปูแนะนำว่า ฝั่งแบรนด์ควรปล่อย Educate Content ขึ้นไปบนออนไลน์ก่อน ควรเป็น Content ที่ไม่มีทางตาย หลังจากนั้นก็ปล่อย Influencer Marketing ออกไป พอคนเห็น มีความสงสัยก็จะไป Search เจอในสิ่งที่เราได้ทำขึ้นไปก่อนหน้าแล้ว และต้องบอกว่า Influencer Marketing มี Period การตายของมันอยู่ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องคิดทำสิ่งใหม่ออกมาอยู่เรื่อยๆ
รู้หรือไม่?
70% ของ Influencer ที่ทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพ มาจาก Brief ที่ห่วยจากฝั่งนักการตลาด
Boost Success
ถ้าเราลงเงินไปกับการ Boost Media ให้ Influencer Marketing
- ถ้าเราใช้ Macro จำนวน 10 คน, CPE จะตก 6 THB
- ถ้าเราใช้ Micro เล็ก จำนวน 100 คน, CPE จะตก 1.8 THB
- แต่ถ้าเราใช้ Macro จำนวน 2 คน + Micro กลาง จำนวน 5 คน + Micro เล็ก จำนวน 50 คน, CPE จะตก 2.6 THB (ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของการใช้ Macro อย่างเดียว)
แล้วพี่ปูก็โดดไปเล่าเรื่อง Case Study สนุกๆ ให้ฟังหลายเรื่อง ก่อนจะกลับมาเข้า ‘Canvas’
Influencer Marketing Brief Canvas & Influencer Storytelling Canvas
โดยให้แบ่งเป็น 4 กลุ่ม มี 2 กลุ่มเป็น Marketer และอีก 2 กลุ่มเป็น Influencer
- คนที่เป็น Marketer ก็ต้องเขียน Brief ให้ดีให้ชัดว่าตัวเองมีจุดประสงค์อะไร อยากได้อะไร อยากให้เค้ามาช่วยเราทำอะไร
- ด้าน Influencer เองก็ต้องเคลียร์บรีฟให้ละเอียด เข้าใจตรงกัน เพื่อที่จะได้ทำงานออกมาตอบโจทย์แบรนด์ และไม่เป็นการเสียตัวตนของตัวเองไป
หลังจากที่ Marketer เคลียร์ตัวเองเสร็จแล้วก็เดินไป Brief เพื่อนอีกกลุ่มที่รับหน้าที่เป็น Influencer จากนั้นก็นั่งชิวได้แป๊บนึง (ผลัดกันนั่งชิว) แล้วก็ถึงเวลาเสนอผลงาน ซึ่ง Influencer ทั้งสองกลุ่มนำเสนอผลงานเป็น Video หรือเรียกว่าบทบาทสมมตินั่นเอง ความสนุกมันอยู่ตรงนี้นี่แหละ ฮากระจายไปอีก
รู้เทรนด์เหล่านี้หรือไม่?
- Virtual Influencer เช่น Concert ของ Miku, liam_nikuro, lilmiquela, imma.gram (อีกหน่อยมนุษย์อย่างพวกเราจะเหลือพื้นที่ยืนอยู่บนโลกนี้ไหมนะ)
- Fake news ระบาด ถ้าระบาดไปเรื่อยๆ สามารถล้มประเทศได้เลย
- จีน Live สด ขายของหนักมาก (บ้านเราก็เริ่มมี แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกคน)
กว่าจะจบก็เลยเวลาตามกำหนดการไปเป็นชั่วโมงอยู่ แต่ผู้เข้าร่วมก็อยู่กันเกือบครบ (มีบางท่านที่ติดธุระแล้วต้องกลับไปก่อน) ขอปิดท้ายด้วยภาพหมู่ของผู้เรียน ผู้จัดงานและวิทยากรของเรา
แถมด้วยของว่าง Beard Papa’s ไซส์มินิ (อร่อยมาก แอบกินไปสองก้อน 55+) และน้ำผลไม้ที่ผู้หญิงทุกคนชอบ (เฉลย: น้ำฝรั่ง //ทำเอาอึ้ง)
ถึงแม้จะเคยฟังพี่ปูมาหลายทีแล้ว แต่ทุกครั้งที่มาเรียนใหม่ ก็จะเจอของใหม่อยู่เสมอ
“Knowledge Is Endless To Learn”