เล่าเรื่อง Sharing Economy — by พี่พฤทธิ์ #LearningWithSCK
สำหรับหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินคำว่า Sharing Economy แต่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ถ้าพูดถึง Platform ในตลาดตอนนี้ที่ถือเป็นเจ้าแรกๆ ก็คงเป็น
- Airbnb ผู้ใช้อยากได้ที่พักที่ไม่ใช่โรงแรม
- Uber ผู้ใช้ต้องการรถในการเดินทาง โดยสามารถมองเห็นได้ว่ารถอยู่ตรงไหน
ถ้าลงไปลึกมากกว่านั้น หลายๆ ครั้ง อาจจะถูกเรียกว่า
- collaborative consumption การบริโภคทรัพยากรร่วมกัน
- peer-to-peer base sharing ถ้าเทียบเป็นคนก็คือ คนหนึ่งคน กับคนอีกหนึ่งคน ในการแชร์อะไรบางอย่าง เช่น bittorrent, napster
มันจะมีกลุ่มคนที่ยังถกเถียงกันว่า Sharing Economy มันต้องเป็นยังไง ในปัจจุบัน ความหมาย/การเอาคอนเซปต์ไปใช้ มันกำกวม (Ambiguous) อาจทำให้เข้าใจผิดได้ (Misleading) ซึ่งคำนี้ก็ก่อให้เกิด Platform ต่างๆ ตามมา เช่น
- Food preparation: Grab Kitchen
- Babysitting หาพี่เลี้ยงเด็ก
- Housekeeping หาแม่บ้านมาทำความสะอาด
- Uber/Lyft
บางคนก็บอกว่านี่คือ on-demand economy
ถ้าย้อนกลับไปที่คอนเซปต์ “การแลกของกัน” เป็นเรื่องที่เราทำกันมานานแล้ว เช่น สมัยก่อน คนแลกของกันที่ตลาด แต่ในช่วง(หลาย)สิบกว่าปีหลัง มีเรื่องของ Internet การใช้ข้อมูล เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้การหาของ/ให้ยืม/แชร์ของ ทำได้ง่ายขึ้น
ถ้าเราดูกันจริงๆ แล้ว ส่วนสำคัญของ Sharing Economy คือ การใช้ Assets ที่มีอยู่อย่างเต็มที่ (Utilised)โดยที่เจ้าของได้รับผลตอบแทนด้วย
Model หลักๆ ประกอบไปด้วยคนสามกลุ่ม
- Owner เจ้าของ Assets สามารถสร้างรายได้จาก Assets
- Seeker คนที่ต้องการใช้ Assets ไม่จำเป็นต้องซื้อ แค่ยืมมาใช้ในช่วงเวลาที่ต้องการ
- Platform / Facilitator พี่พฤทธิ์ เพิ่มคำนี้เข้ามา เพราะไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเทคโนโลยีอย่างเดียว
ถ้าเราอยากสร้าง Sharing Economy สิ่งที่ต้องพึงระวัง
- ความน่าเชื่อถือ ทั้ง ecosystem
- มีขนาดใหญ่เพียงพอ ทั้งในมุมของ Owner และ Seeker เป็นเหตุผลที่ AirBnb, Uber ที่ต้องสเกลอย่างรวดเร็ว (และอาจจะเป็นเพราะว่าทั้งสองเจ้าเป็น Startup ด้วย)
- ความโปร่งใส Transparency, ความรับผิดชอบ Accountability และ ความไว้วางใจ Liability
Sharing Economy ที่ยังโดนวิพากษ์วิจารณ์อยู่
- ไม่มี หรือ มีกฎระเบียบน้อย
- ไม่ได้ทำตามกฎหมาย
- ไม่ได้สังกัดในสมาคม อาจจะทำให้มาตรฐานไม่เป็นไปตามคาดหวัง
- ข้อมูลถูกแชร์อยู่ในระบบมากเกินไป อาจทำให้เกิดการเหยียด (bias) ในการให้ยืม เช่น AirBNB ลูกค้าผิวดำมักโดนปฏิเสธไม่ให้เช่าสถานที่
Sharing Economy จะประสบความสำเร็จเมื่อ
- สเกลใหญ่และเร็ว ทั้งฝั่ง Owner และ Seeker
- มีความน่าเชื่อถือ
- มี Process ที่สั้น กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ
- ตัว Platform / Facilitator ต้องสามารถโต้ตอบ/ให้บริการกับลูกค้า/ผู้ใช้ได้
- ตัว Platform / Facilitator มีความเป็น Master ในเรื่องของ Customer Service
- Professional peer-to-peer service provider in-check พวกนี้จะสร้างปัญหาให้ ecosystem (ข้อนี้เป็น Pain Point ในหลายๆ ที่เลยตอนนี้) ซึ่งต้องถูกบริหารจัดการให้ดี เช่น
AirBNB เปิดให้เช่า ก็จะมีคนไปกว้านซื้อห้อง/บ้าน แล้วมาปล่อยให้เช่า มันไม่ใช่เจ้าของบ้านที่มีห้องว่าง ทำให้บ้านหรือ Property ราคาสูงขึ้นมาก แล้วทำให้คนไม่สามารถซื้อ/เช่าบ้านอยู่ได้
Uber มีรถ มีช่วงเวลาว่าง เอาเวลาที่รถว่างมาหารายได้ แต่หลังๆ จะมีคนที่ซื้อรถมา เพื่อเป็น Uber driver เลย
GOLD to Growth
Sharing Economy = to make use of idle resources
ถ้าจะสร้าง Sharing Economy ให้กลับไปที่ original ไอเดีย และให้ความสำคัญกับมันด้วย
กลุ่มผู้ใช้งานในอนาคต (อาจจะเป็นเด็กที่อายุ ~10 กว่าขวบในตอนนี้) จะเป็นกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมเป็นลำดับต้นๆ จะให้ความสำคัญกับการใช้ของอย่างคุ้มค่า คงไม่ใช่ 100% แต่เป็นเทรนด์ที่จะเกิด